วันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2553

สำลักเทคโนโลยี

เมื่อโลกสำลักเทคโนโลยี !!!
โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 22 ตุลาคม 2553 17:40 น.
ณ บ้านพระอาทิตย์
โดย...ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

จำได้ว่าเมื่อสมัยเป็นเด็กอยู่ยังได้มีโอกาสดูโทรทัศน์ภาพ ขาวดำ เล่นขี่จักรยานในหมู่บ้านกับเด็กเพื่อนบ้าน เล่นดีดลูกหิน หันมาสังคมในยุคนี้เปลี่ยนไปอย่างมากชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ

ความเร็วของเทคโนโลยีนั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วมาก สังคมในโลกวันนี้มีผู้คนจำนวนมากที่ใช้อินเตอร์เน็ท เข้าไปในเว็บไซต์ต่างๆ และหลายคนมีโทรศัพท์มือถืออัจฉริยภาพที่สามารถทำได้หลายๆอย่างในเครื่อง เดียวกัน

ตัวอย่างที่เห็นชัดมากที่สุดในความเร็วของเทคโนโลยีก็คือกรณีของ Facebook ซึ่งเป็นเว็บไซต์ประเภทสังคมเครือข่าย (Social Network) เพิ่งก่อตั้งเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2548 ช่วงเวลา 4 ปีเศษๆเท่านั้น ปัจจุบันเป็นที่นิยมแพร่หลายโดยมีผู้ที่ใช้ Facebook ทั่วโลกรวม 526 ล้านคนทั่วโลก โดยมีคนไทยเล่นอยู่ประมาณ 5.7 ล้านคน (1.09% ของผู้ที่ใช้ Facebook ทั่วโลก)

526 ล้านคนสำหรับผู้ที่ใช้ Facebook เทียบได้เป็นประชากรอันดับ 3 ของโลก รองจากประเทศจีนอันดับ 1 มีประชากร 1,300 ล้านคนและ อันดับ2 อินเดียมีประชากร1,200 ล้านคน ซึ่งยังมากกว่าสหรัฐอเมริกาที่มีประชากรอยู่ประมาณ 310 ล้านคน

“เด็กวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า” การศึกษากับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในวันนี้ มีส่วนสำคัญในการกำหนดอนาคตแต่ละชาติว่าจะไปในทิศทางใด ท่ามกลางสมรภูมิสงครามค่าเงินระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนนั้น ประเทศมหาอำนาจได้ทุ่มงบประมาณจำนวนมหาศาลกับการศึกษาเพื่อเปลี่ยนโครงสร้าง ของสังคมในอนาคต

ในอีกไม่นานจีนจะเป็นประเทศที่มีประชากรพูดภาษาอังกฤษมากที่สุดในโลก จะมีประชากรจบในระดับมหาวิทยาลัยจำนวนมาก ในขณะที่อินเดียที่มีประชากรอันดับ 2 โดยจำนวนประชากรในอินเดีย 25% แรกที่ฉลาดและมีไอคิวสูงสุดยังมีมากกว่าจำนวนประชากรของสหรัฐอเมริการวมกัน ทั้งประเทศ โดยปัจจุบันเด็กอินเดียได้รับเกียรตินิยมด้านการแปลภาษา มากกว่าเด็กสหรัฐอเมริกา และมีคนอินเดียเป็นชาติที่ผลิตนักเขียนโปรแกรมชั้นนำในระดับโลกจำนวนมาก

ใครจะเชื่อว่า 10 อันดับแรกสำหรับอาชีพซึ่งเป็นที่มีความต้องการมากที่สุดในสหรัฐอเมริกาใน วันนี้ เป็นอาชีพที่ไม่เคยมีมาก่อนเมื่อ 6 ปีที่แล้ว
และนั่นหมายความว่าสหรัฐอเมริกาจะต้องมีการสอนและเตรียมให้เด็กสำหรับอาชีพ ที่ยังไม่ปรากฏในวันนี้เพื่อเตรียมใช้เทคโนโลยีใหม่ที่ยังไม่ได้คิดค้นใน อนาคต และสอนเด็กให้เตรียมแก้ปัญหาในสิ่งที่ยังไม่รู้ว่าโจทย์ของปัญหาคืออะไร?

วันนี้ที่สหรัฐอเมริกามีคนตกงานสูงเพิ่มขึ้นถึง 10% เพราะค่าเงินหยวนอ่อนค่าติดตามเงินเหรียญสหรัฐทำให้ฐานการผลิตย้ายไปยัง เอเชียและจีน แต่ในอีกด้านหนึ่งกระทรวงแรงานคาดการณ์ว่ามีอาชีพใหม่เกิดขึ้นประมาณ 10-14 อาชีพ ที่คนอเมริกันอายุเฉลี่ย 38 ปี ต้องมาเรียนรู้กันใหม่ เพียงแต่ว่างานใหม่นั้นใช้คนน้อยกว่าและเทียบไม่ได้กับการว่างงานที่เพิ่ม มากขึ้น

1 ใน 4 ของคนทำงานในสหรัฐอเมริกาได้อยู่กับนายจ้างของตัวเองไม่ถึง 1 ปี ในขณะที่ครึ่งหนึ่งของคนทำงานในอเมริกาอยู่กับนายจ้างของตัวเองไม่ถึง 5 ปี แสดงให้เห็นว่ามีอาชีพใหม่ๆเกิดขึ้นในประเทศที่เป็นผู้นำทางเทคโนโลยีระดับ โลก

การเจริญเติบโตของเทคโนโลยีได้มีอัตราเร่งเพิ่มมากขึ้นแบบก้าวกระโดด!!!

Google ซึ่งเป็นขุมพลังให้กับนักค้นคว้าหาข้อมูลทั่วโลก ปี พ.ศ. 2549 มีคนเข้าไปค้นคว้าประมาณ 2,700 ล้านครั้งต่อเดือน แต่ในปี พ.ศ. 2551 มีคนเข้าไปค้นคว้าเพิ่มเป็น 31,000 ล้านครั้งต่อเดือน หรือเพิ่มขึ้นถึง 11 เท่าตัวเพียงแค่ 2 ปี

เทคโนโลยี “วิทยุ” เข้าถึงตลาดผู้ฟัง 50 ล้านคน ใช้เวลาถึง “38 ปี”

เทคโนโลยี “โทรทัศน์” เข้าถึงตลาดผู้ชม 50 ล้านคนใช้เวลาเร็วขึ้นกว่านั้นเป็น “13 ปี”

เทคโนโลยี “อินเตอร์เน็ท” เข้าถึงตลาดคนเข้าชม 50 ล้านคนใช้เวลาเร็วขึ้นอีกเป็น “4 ปี”

เทคโนโลยี “I pod” เข้าถึงตลาด 50 ล้านคน ใช้เวลา 3 ปี

ส่วน “Facebook” เข้าถึงตลาด 50 ล้านคนใช้เวลา 2 ปี วันนี้ผ่านมา 4 ปีเศษกลายเป็น 526 ล้านคนทั่วโลก

มิพักต้องพูดถึงอีเมล์ได้กลายเป็นสิ่งที่ใช้กันโดยทั่วไปโดยทุกวันมีคนส่งกันไปมาไม่ต่ำกว่า 165,000 ล้านครั้งต่อหนึ่งวัน

ความเร็วของเทคโนโลยีที่สูงอย่างน่ามหัศจรรย์ ได้ทำให้เกิดปัญหาอีกด้าน เด็กนักเรียนที่สหรัฐอเมริกาที่ต้องใช้เวลาเรียนถึง 4 ปีทางด้านเทคนิค ปรากฏว่าสิ่งที่เรียนมาในครึ่งปีแรกจะกลายเป็นสิ่งที่ล้าสมัยตกรุ่นในขณะที่ เด็กเหล่านั้นเรียนในปีที่ 3

ความเร็วของเทคโนโลยียังได้ทำลายอาชีพเก่าๆต้องล้มปิดตัวไปหลายอาชีพ และสร้างงานใหม่ให้กับคนอีกจำนวนหนึ่ง โดยทุกวันนี้มีการดาวน์โหลดเพลงในอินเตอร์เน็ทฟรีๆแบบผิดกฎหมายไม่ต่ำกว่า นาทีละ 150,000 หนังสือและเครื่องมืออุปกรณ์หลายประเภท ถูกทดแทนด้วยอุปกรณ์และแอพพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือ ไม่ว่าจะเป็น กล้องถ่ายรูป, เครื่องอัดเทป, วีดีโอเทป พจนานุกรม ฯลฯ และในสหรัฐอเมริกามีคนต้องตกงานมากขึ้นมากกว่าคนที่ได้งานใหม่จากเทคโนโลยี ใหม่ๆที่กำลังจะพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง

ความเร็วของเทคโนโลยีได้ได้แพร่สะพัดมาถึงประเทศไทย มีอาชีพมากมายได้เกิดขึ้นมาใหม่ ไม่ว่าจะเป็นอาชีพคนขายและคนซ่อมอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ Tablet, Pad อาชีพดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นในโทรศัพท์ ฯลฯ

กระแสเทคโนโลยีที่ไหลทะลักเข้ามาได้ทำให้คนในโลกนี้กำลัง เป็นโรคสำลักเทคโนโลยี คนในยุคนี้จำเบอร์โทรศัพท์ได้น้อยลง เขียนหนังสือและใช้ภาษาอ่อนแอลง คิดคำนวณคณิตศาสตร์ได้น้อยลงและช้าลง มีข้อมูลที่รวดเร็วขึ้นก็มาพร้อมกับความฉาบฉวยมากขึ้นเช่นกัน

ใครที่คิดว่าเทคโนโลยีจะทำให้ทำงานได้เร็ว แม่นยำ และสวยงามขึ้น แท้ที่จริงแล้วกลับทำให้ต้องเสียเวลามากขึ้นเพราะต้องการความสมบูรณ์แบบมาก ขึ้นไปอีกเพื่อแข่งขันกับคนอื่นๆ ยิ่งไปกว่านั้นอาจทำให้บางองค์กรต้องสูญเสียประสิทธิภาพในการทำงานเพราะคนใน บางองค์กรต้องหลงติดใช้เวลาอยู่ในวังวนของ Social Network มากขึ้นกว่าเดิม

เทคโนโลยีที่ทันสมัยหากนำมาใช้ประโยชน์กับคนที่มีอาชีพโดยตรงและใช้ เทคโนโลยีอย่างเต็มประสิทธิภาพก็จะทำให้เกิดความคุ้มค่าในอาชีพของตน แต่น่าเสียดายคนไทยจำนวนมากได้นำมาใช้ตามกระแสแฟชั่นเสียมากกว่า

NECTEC ได้เคยจัดทำสถิติการใช้อินเตอร์เน็ตของประเทศไทย ประมาณการว่าปีที่แล้วมีผู้ใช้อินเตอร์เน็ทรวมทั้งสิ้น 18.3 ล้านคน
และเมื่อสำรวจคำที่ค้นหามากที่สุดที่จะมักจะติดอันดับต้นๆเสมอสำหรับคนไทยโดยการสำรวจของ Truehits ได้แก่ คำว่า เกมส์, ดูดวง, ฟังเพลง, สมัครงาน และ แอบถ่าย

ดีที่สุดของคนไทยคือต้องรู้จักนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ กับเทคโนโลยี มีสติไม่ตกเป็นทาสของเทคโนโลยี ใช้อย่างพอเพียงเท่าที่จำเป็นให้เหมาะสมกับตัวเอง !!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น