วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

วันโลกหายนะ

กระชับพื้นที่คืนความจริง “วันโลกหายนะ”
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤษภาคม 2553 00:59 น.
ข่าวลือเกี่ยวกับ “วันโลกหายนะ” เป็นอีกหนึ่งสีสันของจดหมายลูกโซ่ ที่วนเวียนอยู่บนโลกออนไลน์ วันดีคืนดีข่าวลือดังกล่าวมาปรากฏบนสื่อทีวีในช่วงเวลา “ไพรม์ไทม์” ย่อมสร้างความตื่นตระหนกได้ในวงกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคนในวงการวิทยาศาสตร์เอง คือผู้อ้างถึงข้อมูลวิทยาศาสตร์อย่างเป็นตุเป็นตะ

ตั้งแต่เดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ดร.สธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับอีเมลลูกโซ่ เกี่ยวกับวันโลกหายนะเหมือนในภาพยนตร์เรื่อง 2012 อย่างต่อเนื่อง และมีการอ้างถึงข้อมูลวิทยาศาสตร์ เดิมเขาเชื่อว่ากระแสนี้จะซาไปแต่กลายเป็นว่ากระแสยังคงมีอยู่ จึงตัดสินใจจัดเสวนาและแถลงข่าวชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว หลังเหตุการณ์บ้านเมืองเริ่มคลี่คลาย ในเวที “ตอบทุกคำถามสังคมไทย ที่กังวลต่อการล่มสลายของโลก” เมื่อวันที่ 25 พ.ค.53 ที่ผ่านมา ณ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ

- สนามแม่เหล็กกลับขั้ว-โลกพลิก

หนึ่งในประเด็นการล่มสลายของโลกคือการกลับขั้วของสนามแม่เหล็กโลกใน วันที่ 22 ธ.ค.55 จากเหนือไปใต้ ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ดวงอาทิตย์กลับขั้ว เกิดสนามแม่เหล็กและความร้อนบนโลก ทำให้น้ำแข็งละลาย น้ำท่วมโลก เกิดสึนามิ โลกจะเอียงจาก 23.5 องศาไปเป็น 26 องศา แล้วพลิกกลับจากเหนือไปใต้

คำถามคือจริงหรือไม่ที่แม่เหล็กโลกจะกลับ ขั้ว?

ดร.สธนกล่าวว่า ปรากฏการณ์แม่เหล็กโลกกลับขั้ว เคยเกิดขึ้นบนโลกมาแล้วหลายครั้ง แต่ละครั้งเว้นช่วงประมาณ 1 ล้านปี ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อ 700,000 ปีที่แล้ว ซึ่งเริ่มมีมนุษย์กำเนิดขึ้นบนโลกแล้ว และระหว่างการกลับขั้วช่วง 1 ล้านปีนั้น อาจมีการกลับขั้วในช่วงสั้นประมาณ 4-5 พันปี

การกลับขั้วแม่เหล็กโลกนี้ ไม่ได้หมายถึงโลกพลิกกลับจากเหนือไปใต้ แต่หมายถึงสนามแม่เหล็กอ่อนกำลังลง แล้วเกิดสนามแม่เหล็กที่ยุ่งเหยิงขึ้น ก่อนกลับสู่สภาพปกติ ซึ่งระหว่างที่แม่เหล็กอ่อนลงนั้น จะมีรังสีคอสมิคเข้ามาแต่ไม่มากมายนัก

“ส่งผลกระทบไหม มีผลกระทบบ้างถ้าเรายังใช้เข็มทิศอยู่ แต่เดี๋ยวนี้เราใช้จีพีเอส (GPS) กันเยอะ ผลกระทบอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ และช่วงเวลาระหว่างการพลิกขั้วเกิดขึ้นช้า เป็นระยะเวลาพันปี แสนปีขึ้นไป"

"ปัจจุบันความแรงสนามแม่เหล็กขึ้นๆ ลงๆ เมื่อ 700,000 ปีก่อน สนามแม่เหล็กโลกเคยอ่อนกว่านี้ด้วยซ้ำ ดังนั้นการกลับขั้วแม่เหล็กโลกไม่ใช่ประเด็นที่ก่อให้เกิดปัญหา โดยหลักฐานการกลับขั้วคือหินแข็งที่มีสภาพแม่เหล็กตามแม่เหล็กโลก ซึ่งเกิดจากหินร้อนๆ ในโลกออกมาเจอสภาพแม่เหล็กภายนอกแล้วแข็งตัว” ดร.สธนกล่าว

ขั้วแม่เหล็กโลกนั้น เกิดจากการไหลของกระแสโลหะหลอมเหลวในแกนกลางโลก ทำให้เกิดสนามแม่เหล็กเหมือนไดนาโมที่ใช้ขดลวดพันรอบแกนแม่เหล็ก โดยสนามแม่เหล็กจะพุ่งจากขั้วใต้ไปขั้วเหนือ ดังนั้นขั้วโลกเหนือจึงเป็นขั้วแม่เหล็กใต้ และขั้วโลกใต้จึงเป็นขั้วแม่เหล็กเหนือ

แต่การไหลของกระแสโลหะหลอมเหลวในแกนกลางโลกไม่สม่ำเสมอ ตำแหน่งขั้วแม่เหล็กจึงไม่คงที่ และเป็นบริเวณกว้าง เช่น ปี 1904 ขั้วแม่เหล็กเหนืออยู่เป็นบริเวณหนึ่ง และปี 1996 ขั้วแม่เหล็กเหนืออยู่อีกบริเวณ เป็นต้น

- ดาวเคราะห์เรียงตัวทำแผ่นดินไหวบนโลก

การเรียงตัวของดาวเคราะห์ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ถูกโยงว่าทำให้เกิดแผ่นดินไหวบนโลก เนื่องจากมีแรงไทด์ (tide) กระทำต่อโลก

หากแต่ ดร.สธนอธิบายว่าแรงไทด์คือ "แรงน้ำขึ้นน้ำลง" (tidal force) นั่นเอง เป็นแรงเสมือนว่าดึงโลกให้ยืดออก และดวงจันทร์มีบทบาทให้เกิดแรงนี้กระทำต่อโลกมากที่สุด และด้านที่อยู่ใกล้ดวงจันทร์มากที่สุดจะถูกดึงมากกว่า โดยแรงนี้มีอธิบายด้วยสมการที่มีตัวแปรเพียง 2 ตัวคือ ระยะห่างระหว่างวัตถุที่ดึง และมวลของวัตถุที่ดึง

“แรงน้ำขึ้นน้ำลง น้อยกว่าแรงดึงดูดของโลกถึง 10 ล้านเท่า แรงที่สุดของแรงนี้คือ ทำให้ของเหลวบนโลกเคลื่อนที่ หรือเกิดน้ำขึ้นน้ำลง แต่ยังน้อยเกินกว่าจะมีผลต่อโครงสร้างหรือแผ่นทวีป 10 ล้านเท่า"

"ดวงอาทิตย์ซึ่งใหญ่กว่าดวงจันทร์มากแต่อยู่ห่างโลกมากกว่า จึงมีแรงนี้น้อยกว่าดวงจันทร์ประมาณครึ่งหนึ่ง หากดวงจันทร์และดวงอาทิตย์มาซ้อนกัน ผลคือทำให้เกิดน้ำขึ้นสูงในวันขึ้น 15 ค่ำและแรม 15 ค่ำเท่านั้นเอง” ดร.สธนกล่าว

นอกจากนี้ ผลการเปรียบเทียบตำแหน่งการเรียงตัวของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะกับการเกิด แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ 10 อันดับ ซึ่งเกิดที่เกาะสุมาตรา อินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.47 เป็นแผ่นดินไหวใหญ่อันดับ 3 และครั้งรุนแรงสุดเกิดขึ้นที่ชิลี เมื่อ 22 พ.ค.03 นั้น ไม่มีครั้งใดเลยที่ดาวเคราะห์เรียงตัวกัน โดยพิจารณาเฉพาะดาวพุธ ดาวศุกร์ ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์และโลก ส่วนดาวเคราะห์วงนอกนั้น ดร.สธนกล่าวว่าตัดออกได้ เพราะอยู่ไกลมาก

“เรียงหรือไม่เรียงไม่สำคัญ เพราะแรงไม่ถึงอยู่แล้ว คำอ้างในข่าวในฟอร์เวิร์ดเมล เป็นคำอ้างที่ไม่มีหลักฐาน การอ้างงานวิจัยก็มีความเข้าใจที่ไม่ตรง บทความยังไม่มีชื่อผู้เขียนและเป็นการคาดเดาไว้ก่อน” ดร.สธนวิจารณ์คำทำนายเรื่องโลกล่มสลาย ที่อ้างถึงผลการศึกษาของทีมนักวิจัยอิตาลี

ทั้งนี้ งานวิจัยดังกล่าวมีอยู่จริง แต่รายละเอียดระบุว่า มีความแปรปรวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ก่อนเกิดแผ่นดินไหวเล็กน้อย ซึ่งคาดว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงของโลกเอง ไม่ใช่พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าขนาดใหญ่ จนสามารถจุดฉนวนแผ่นดินไหวอย่างที่กล่าวอ้าง

-Solar Maximum คำที่ถูกอ้างวันโลกสลาย


ความวิตกว่า โลกถึงคราวหายนะนั้น มักเชื่อมโยงการเข้าสู่ช่วง "โซ ลาร์ แม็กซิมัม" (Solar Maximum) ของดวงอาทิตย์ ซึ่ง ผศ.พงษ์ ทรงพงษ์ อาจารย์ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ซึ่งร่วมเวทีเสวนาอธิบายว่า ช่วงดังกล่าว ดวง อาทิตย์มีกิจกรรม*เกิดขึ้นมาก และมีการกลับขั้วสนามแม่เหล็ก เกิดขึ้นสลับกับ "โซลาร์ มินิมัม" (Solar Minimum) ที่ดวงอาทิตย์มีกิจกรรมน้อย โดยมีระยะเวลาสลับกันประมาณ 11 ปี

กิจกรรมต่างๆ บนดวงอาทิตย์นั้น เกิดจากสนามแม่เหล็กเนื่องจากการไหลวนของก๊าซร้อนบนดวงอาทิตย์ ครั้งล่าสุดที่เกิด Solar Maximum คือเมื่อปี 2544 ส่วนตอนนี้เรา กำลังอยู่ในช่วง Solar Minimum"

"ครั้งแรกที่เราเริ่มนับจุดมืดบนดวงอาทิตย์คือเมื่อปี 2323 ซึ่งพบว่าการเกิดจุดมืดมากสลับกับไม่มีเลยนั้นเป็นช่วงๆ ชัดเจน ตอนนี้เราอยู่วัฏจักรสุริยะรอบที่ 23 และกำลังสู่รอบที่ 24 ในปี 2555 (หรือ 2012) ซึ่งจะเริ่มช่วง Solar Maximum รอบใหม่ แต่เราก็ตรวจดูสนามแม่เหล็กบนดวงอาทิตย์ทุกวันว่า เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง” ผศ.พงษ์กล่าว

เมื่อเข้าสู่ Solar Maximum สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ มีกิจกรรมบนดวงอาทิตย์มากขึ้น สนามแม่เหล็กมีการเปลี่ยนแปลง เพราะดวงอาทิตย์ส่งอนุภาคมีประจุมาเยอะขึ้น มีการพ่นมวลมีประจุมายังโลก ทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่เราสังเกตได้ เช่น ปรากฏการณ์แสงเหนือ-แสงใต้ ซึ่งเห็นได้ที่ขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ แต่ปี 2501 มีรายงานพบแสงเหนือ-แสงใต้ที่เม็กซิโก ซึ่งอยู่ต่ำจากขั้วโลกเหนือลงมาอยู่ที่ละติจูด 30 องศาเหนือ

เมื่อปี 2532 กิจกรรมบนดวงอาทิตย์ ได้ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าในระบบส่งไฟฟ้าของแคนาดา จนหม้อแปลงไหม้และเกิดไฟดับ แต่ในปี 2544 ไม่เกิดเหตุไฟดับเนื่องจากทราบว่าจะเกิดขึ้นและได้เตรียมการรับมือไว้

- ซากดาวส่องตรงรังสีแกมมาเผาโลกเป็นจุณ

การระเบิดของรังสีแกมมา (Gamma Ray Burst: GRB) เป็นปรากฏการณ์ส่งรังสีแกมมาจากซากของดวงดาวที่กำลังดับสูญ และเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับดวงดาว ซึ่งมีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์ 10 เท่าขึ้นไป โดยปกติดาวฤกษ์มีปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันเป็นแหล่งพลังงาน ซึ่งจะหลอมรวมธาตุเล็กให้กลายเป็นธาตุใหญ่ และให้พลังงานออกมา เสมือนมีแรงระเบิดนิวเคลียร์อยู่ภายในดวงดาว

ขณะเดียวกันดาวฤกษ์ยังมีแรงโน้มถ่วงดึงมวลกลับมาอยู่รวมกัน จึงเปรียบได้กับการชักเย่อระหว่างแรงระเบิดกับแรงโน้มถ่วง เมื่อธาตุตั้งต้นหมดลงการระเบิดก็น้อยลง ทำให้แรงโน้มถ่วงชนะและเริ่มดึงให้ดาวยุบลง

อย่างไรก็ดี การยุบตัวของดาวนั้น มีปลายทางที่แตกต่างกัน ดาวบางดวงยุบตัวอย่างเงียบสงบและหมดพลังงานไป บางดวงเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ขึ้นอีกเนื่องจากแรงโน้มถ่วงทำให้เกิดการหลอม รวมของธาตุครั้งใหม่

บางดวงเกิดระเบิดอย่างรุนแรงเรียกว่า “โนวา” (nova) หรือ “ซูเปอร์โนวา” (supernova) กลายเป็นเนบิวลาและเกิดการรวมตัวของก๊าซกลายเป็นดาวอีกรอบ บางดวงยุบตัวอย่างรวดเร็วและกลายเป็นหลุมดำ แต่บางครั้งเกิดการยุบตัวและเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ที่รุนแรงพร้อมๆ กัน ทำให้เกิดรังสีแกมมาความเข้มสูงส่งออกมาในทิศทางที่แน่นอนและเป็นลำแคบๆ หรือเรียกว่าการระเบิดของรังสีแกมมานั่นเอง

ถ้าส่องมายังโลก ก็ตายหมดทั้งโลก การระเบิดของรังสีแกมมาการระเบิดของรังสีแกมมานี้ น่ากลัวมาก แต่ต้องกลัวไหม ไม่ต้องกลัว เพราะถ้าเกิดขึ้นก็รวดเร็วมากจนเราไม่ทันได้รู้สึก เนื่องจากรังสีเดินทางด้วยความเร็วแสง" ผศ.พงษ์กล่าว

อย่างไรก็ดี ผศ.พงษ์กล่าวเผยว่า โอกาสดังกล่าว เกิดขึ้นน้อยมาก เพราะอย่างแรกต้องเกิดใกล้ๆ เรา ประมาณกาแลกซีถัดไป และต้องหันมาทางเราพอดี ซึ่งดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้เราที่สุดคือดาวพรอกซิมา (Proxima) อยู่ไกลออกไป 4.2 ปีแสง แต่มีขนาดเพียง 1 ใน 10 ของดวงอาทิตย์ เมื่อดาวดวงนี้ดับ จะไม่เกิดระเบิดรังสีแกมมาแน่นอน แต่ถ้าถึงวันหนึ่งเราจะต้องไป เราก็ต้องไป.




*กิจกรรมสุริยะ
(solar activities) คือปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนดวงอาทิตย์ ได้แก่

- การลุกจ้าบนดวงอาทิตย์ (solar flare) เป็นการปะทุของก๊าซร้อนภายในดวงอาทิตย์เมื่อมีช่องโหว่ที่ผิวดวงอาทิตย์ ทำให้ก๊าซร้อนกว่า 20,000 องศาเซลเซียสปะทุออกมาที่ดวงอาทิตย์ซึ่งปกติมีอุณหภูมิประมาณ 6,000 องศาเซลเซียส เห็นเป็นแสงเจิดจ้าที่ผิวดวงอาทิตย์

- โพรมิเนนซ์ (prominence) เป็นพวยก๊าซที่พุ่งออกมา แล้วพุ่งกลับเหมือนมีท่อเป็นทางเดิน ซึ่งท่อดังกล่าวจริงๆ แล้ว คือสนามแม่เหล็กที่บังคับให้พวยก๊าซพุ่งกลับสู่ดวงอาทิตย์ ขนาดของพวยก๊าซใหญ่กว่าโลกและดวงจันทร์

- ลมสุริยะ (solar wind) เป็นอนุภาคมีประจุที่ส่งมาจากดวงอาทิตย์พร้อมสนามแม่เหล็กระยะสั้น หรือเรียกว่าพายุสุริยะเมื่อมีความรุนแรงกว่าและอนุภาคถูกส่งพุ่งออกไปทั่วๆ การพ่นมวลจากดวงอาทิตย์ (coronal mass ejection: CME) เป็นอนุภาคของดวงอาทิตย์ที่พุ่งออกมาเป็นลำ ด้วยความเร็วสูงและมีทิศทางค่อนข้างแคบ เมื่อพุ่งมาแต่ละครั้งสามารถกลบโลกได้มิด โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมาโลกได้รับลำอนุภาคนี้ ส่งผลให้การสื่อสารขัดข้องและสำนักข่าวบีบีซีได้ออกประกาศเตือนถึงเรื่องนี้ ด้วย

- จุดมืด (sunspots) เป็นจุดดำบนดวงอาทิตย์ ค้นพบครั้งแรกเมื่อประมาณ 400 ปีก่อนโดย กาลิเลโอ กาลิเลอิ (Galileo Galilei) หลังจากเขาประดิษฐ์กล้องโทรทรรศน์แล้วส่องขึ้นไปบนฟ้า โดยที่ยังไม่ทราบว่าการส่องดวงอาทิตย์ด้วยตาเปล่านั้นเป็นอันตราย ข้อ ดีของจุดมืดคือทำให้ทราบว่าดวงอาทิตย์หมุนรอบตัวเอง และจุดมืดนี้มีหลายจุดเพิ่มขึ้น-ลดลงอยู่เสมอ

รู้ทัน

รู้ทัน 7 กลยุทธ์ “วิทยาศาสตร์ปลอม”
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤษภาคม 2553 01:02 น.
ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ
ความตื่นตระหนกเรื่องวันหายนะของโลกนั้น ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจาก “วิทยาศาสตร์ปลอมๆ” ที่มีตั้งแต่ความเข้าใจในวิทยาศาสตร์ที่คลาดเคลื่อน มายาคติ วิทยาศาสตร์เทียม ไปจนถึงการหลอกลวงต้มตุ๋น ซึ่งมีการหลอกล่อด้วยกันถึง 7 กลยุทธ์

ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ นักวิชาการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่ง ชาติ (สวทช.) กล่าวในการเสวนา “ตอบทุกคำถามสังคมไทยที่กังวลต่อ การล่มสลายของโลก” เมื่อวันที่ 25 พ.ค.53 ณ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่าวิทยาศาสตร์จอมปลอมนั้นเป็นสิ่งที่น่ากลัวกว่าไสยศาสตร์ เหมือนเราเห็นคนใส่ชุดกราวน์ในโรงพยายาลย่อมเข้าใจว่าเป็นหมอ เป็นของปลอมที่ปนมากับเสื้อคลุมของนักวิทยาศาสตร์

วิทยาศาสตร์จอมปลอมมีหลายระดับ ตั้งแต่ การเข้าใจแนวคิด วิทยาศาสตร์แบบผิดๆ (Misconception) บางครั้งเป็นการจับแพะชนแกะ ซึ่งเมื่อฝังรากลึกทำให้กลายเป็นมายาคติ (Myth) ถัดมาคือวิทยา ศาสตร์เทียม (pseudo-science) ซึ่งเป็นระบบความคิด ที่อ้างว่าเป็นวิทยาศาสตร์ เช่น โหราศาสตร์ซึ่งมีการเคลื่อนที่ของดวงดาวจริง แต่มีการตีความที่ไม่ใช่หลักสถิติ และรุนแรงสุดคือการหลอกลวงต้ม ตุ๋น (Fraud)

ทั้งนี้ กลยุทธ์ในการเผยแพร่วิทยาศาสตร์จอมปลอมนั้น มักเป็นรูปแบบเดิมๆ ซึ่งแบ่งได้เป็น 7 กลยุทธ์ คือ

1.นำเสนอผลิตภัณฑ์หรือลัทธิความเชื่อที่มีมีผู้คนสนใจจำนวนมาก โดยอ้างว่าสอดคล้องกับวิทยาศาสตร์ ใช้ศัพท์วิทยาศาสตร์ฟังยาก นำคำศัพท์ ทฤษฎีและผลลัพธ์ทางวิทยาศาสตร์มาใช้อย่างสับสน

2.สร้างความน่าเชื่อถือด้วยการอ้างหลักฐานสนับสนุน เช่น ได้รับสิทธิบัตร ทั้งๆ ที่สิทธิบัตรคือการอ้างของผู้ขอว่าสิ่งที่ยื่นจดนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งเราต้องถามว่าสิทธิบัตรที่ได้รับนั้น “อ้างอะไร”

3.ใช้การสาธิตเพื่อโน้มน้าว เช่น สาธิตน้ำมันชนิดใหม่โดยขับรถยนต์ทดสอบ 200-300 เมตร แต่การทดสอบน้ำมันจริงๆ ต้องวิ่งไกล 120,000 กิโลเมตร

4.อ้างความสำเร็จโดยอิงเรื่องเล่าหรือประสบการณ์

5.อ้างบุคคลที่กลุ่มเป้าหมายให้การยอมรับ

6.อิงความเชื่อที่ยึดถือกันทั่วไป เช่น ความเชื่อว่าเครื่องมือที่ดูไฮเทคและมีราคาแพงนั้นน่าจะใช้งานได้ดี เป็นต้น

และ 7.ตอบโต้ข้อวิพากษ์วิจารณ์โดยมุ่งโจมตีบุคคล แทนที่จะตอบโต้ด้วยหลักวิชาการ

วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

Aiteng

"ไอ้เท่ง" ติดท็อป 10 สุดยอดการค้นพบสปีชีส์ใหม่ของโลก แห่งปี 2009
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 พฤษภาคม 2553 16:17 น.
สิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ ของโลกที่ได้รับคัดเลือกให้เป็น 10 สุดยอดการค้นพบ
สปีชีส์ใหม่แห่งปี 2009 (ภาพจาก IISE)
นานาชาติยก "ไอ้เท่ง" ทากทะเลชนิดใหม่ของโลก ที่พบในไทยให้ติด 1 ใน 10 สุดยอดการค้นพบสปีชีส์ใหม่แห่งปี 2009 พร้อมกับหม้อข้าวหม้อแกงลิงยักษ์ในฟิลิปปินส์ แมงมุมสีทองจากมาดากัสการ์ จากหลายพันสปีชีส์ที่มีรายงานการค้นพบในปีเดียวกัน

สถาบันนานาชาติเพื่อการสำรวจสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ หรือไอไอเอสอี (International Institute for Species Exploration: IISE) มหาวิทยาลัยแอริโซนาสเตต (Arizona State University) สหรัฐอเมริกา และคณะกรรมการนักอนุกรมวิธานนานาชาติ ไดัคัดเลือกสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่จากทั่วโลกกว่าหลายพันสปีชีส์ให้เหลือเพียง 10 สปีชีส์ เพื่อขึ้นบัญชีสุดยอดการค้นพบสปีชีส์ใหม่แห่งปี 2009 ซึ่งได้มีการประกาศผลการคัดเลือกไปเมื่อวันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับวันสากลแห่งความหลากหลายทางชีวภาพพอดี และมีสปีชีส์ใหม่ที่พบในไทยได้ติดอันดับโลกด้วย

"คณะกรรมการตัดสินแต่ละคนมีอิสระในการคัดเลือกและกำหนดเกณฑ์การ ตัดสินของตัวเองจากคุณลักษณะที่แปลกใหม่หรือความจริงที่น่าประหลาดใจ รวมไปถึงชื่ออันแปลกประหลาดของสปีชีส์นั้นๆ" เควนติน วีลเลอร์ (Quentin Wheeler) ผู้อำนวยการสถาบันไอไอเอสอี และนักกีฏวิทยาจากสถาบันชีววิทยาศาสตร์ (School of Life Sciences) เผยไว้ในไลฟ์ไซน์ด็อตคอม

ทั้งนี้ การจัดอันดับ 10 สุดยอดการค้นพบสปีชีส์ใหม่แห่งปี 2009 ในปีนี้นับเป็นปีที่ 3 แล้ว ซึ่งในจำนวนนั้นมี "ทากทะเล" ชนิดใหม่ของโลก ที่ค้นพบในประเทศไทยรวมอยู่ด้วย โดยสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ทั้ง 10 สปีชีส์ มีดังนี้ (ไม่เรียงอันดับ)

แมงมุมสีทองสปีชีส์ ใหม่ที่พบบนเกาะมาดาร์กัสการ์
เป็นแมงมุมสีทองที่มีขนาดใหญ่ที่สุด และสามารถถัก
ทอใยแมงมุมได้ใหญ่กว่า 1 เมตร (ภาพจาก IISE)
1. แมงมุมสีทองของโคแมค (Komac's golden orb spider) หรือชื่อวิทยาศาสตร์ว่า เนฟิลา โคมาชิ (Nephila komaci) เป็นสปีชีส์แรกในสกุลเนฟิลาที่ถูกกล่าวขานถึงมาตั้งแต่เมื่อปี 1879 แต่เพิ่งจำแนกได้ว่าเป็นแมงมุมสปีชีส์ใหม่ตามหลักเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์และได้ รับการตีพิมพ์รายงานการค้นพบเมื่อปี 2009 โดย เอ็ม คุนต์เนอร์ (M. Kuntner) นักวิจัยของสถาบันชีววิทยาแห่งวิทยาลัยศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์สโลวีเนียน (Institute of Biology of the Slovenian Academy of Sciences and Arts) และ โจนาธาน คอดดิงตัน (Jonathan Coddington) นักวิทยาศาสตร์จากพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาสมิธโซเนียน (Smithsonian's National Museum of Natural History)

แมงมุมชนิดนี้สามารถถักทอใยแมงมุมที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ใหญ่กว่า 1 เมตร โดยที่แมงมุมตัวเมียที่สร้างใยขึ้นมานั้นเมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดยาวประมาณ 3.8-4.0 เซนติเมตรเท่านั้น ขณะที่แมงมุมตัวผู้มีขนาดเพียง 0.8-09 เซนติเมตร หรือเล็กกว่าราว 5 เท่า มีถิ่นอาศัยอยู่ในมาดากัสการ์ ซึ่งคุนต์เนอร์ตั้งชื่อสปีชีส์ให้ว่า โคมาชิ เพื่อรำลึกถึงแอนเดรจ โคแมค (Andrej Komac) นักวิทยาศาสตร์ผู้ที่เป็นเพื่อนรักที่สุดของเขาที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ในระหว่างที่พวกเขากำลังศึกษาวิจัยแมงมุมชนิดนี้

ปลาแดร็กคูลา ตัวเล็กจิ๋ว แต่มีเขี้ยวยาวคล้ายค้างคาว
ดูดเลือดในตำนาน (ภาพจาก IISE)
2. ปลาแดร็กคูลา (Dracula fish) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า แดนิโอเนลลา แดร็กคูลา (Danionella dracula) เป็นปลาน้ำจืดที่พบในแม่น้ำ Sha Du Zup รัฐคะฉิ่น สหภาพพม่า ตัวผู้มีเขี้ยวยาวแหลมคมคล้ายสุนัขหรือค้างคาวดูดเลือดในตำนาน และนี่ยังเป็นการรายงานการค้นพบอวัยวะที่มีลักษณะคล้ายฟัน (oral teeth-like structures) ของสัตว์ในวงศ์ไซพรินิเด (Cyprinidae) หรือวงศ์ปลาตะเพียน ซึ่งเป็นวงศ์ของปลาน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ฟองน้ำเพชฌฆาต ฟองน้ำสปีชีส์ใหม่ที่มีโครงสร้างแตกต่างจากฟองน้ำ
ชนิดอื่นๆ (ภาพจาก IISE)
3. ฟองน้ำเพชฌฆาต (killer sponge) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า คอนโดรคลาเดีย (เมลิเดอร์มา) เทอร์บิฟอร์มิส [Chondrocladia (Meliiderma) turbiformis] อยู่ในวงศ์คลาโดไรซิเด (Cladorhizidae) เป็นวงศ์ฟองน้ำในทะเลลึกที่กินสัตว์เป็นอาหาร มีความหลากหลายสูง พบในทะเลเปิดทั่วไป โดยเฉพาะในมหาสมุทรแปซิฟิก พบครั้งแรกในประเทศนิวซีแลนด์ มีลักษณะพิเศษคือโครงสร้างส่วนของสปิคูลไม่เหมือนฟองน้ำชนิดอื่น (เป็นแบบ trochirhabd spicule)

"ไอ้เท่ง" ทากทะเลสปีชีส์ใหม่ของโลกพบที่ป่าชายเลนในปากพนัง
จ.นครศรีธรรมราช มีตัวสีดำและหน้าตาละม้ายคล้ายกับ "ไอ้เท่ง" ตัวละคร
ในหนังตะลุงของปักษ์ใต้บ้านเรา (ภาพจาก IISE)
4. ไอ้เท่ง (Aiteng) เป็นทากทะเลสปีชีส์ใหม่และวงศ์ใหม่ของโลกด้วย โดยจัดอยู่ในวงศ์ไอเทงกิเด (Aitengidae) ถูกค้นพบเมื่อปี 2009 บริเวณร่องน้ำในป่าชายเลนที่อ่าวปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช โดยทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ที่นำโดย ดร. ซี สเวนเนน (Dr. C.Swennen) นักวิจัยจากประเทศเนเธอร์แลนด์ และนายสมศักดิ์ บัวทิพย์ นักวิทยาศาสตร์ จากแผนกชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ไอ้เท่งมีขนาดประมาณ 6-17 มิลลิเมตร ลำตัวมีสีดำ กินแมลงในระยะดักแด้เป็นอาหาร ซึ่งแตกต่างจากทากทะเลวงศ์อื่นๆ ที่มักกินสาหร่ายเป็นอาหาร สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ทั้งบนบกและในน้ำ คล้ายกับสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำทั่วๆไป ซึ่งความพิเศษนี้พบได้น้อยมากในทากทะเลที่มีการค้นพบหรือมีการศึกษาอยู่แล้ว ในปัจจุบัน และทีมวิจัยได้ตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ให้ว่า ไอเทง เอเตอร์ (Aiteng ater) ซึ่งชื่อสกุล Aiteng ตั้งตามจากชื่อตัวหนังตะลุงของปักษ์ใต้ที่ชื่อ "ไอ้เท่ง" ที่มีลักษณะตัวสีดำและมีตาคล้ายกับสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ ส่วนชื่อสปีชีส์ ater มาจากภาษาลาติน หมายถึง สีดำ (ข้อมูลจากเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์)

ตัวระเบิดเขียว หนอนทะเลชนิดใหม่ สร้างระเบิดเรืองแสงสีเขียวได้ไว้
ป้องกันตัวเอง (ภาพจาก IISE)
5. ระเบิดเขียว (Green bombers) พบที่อ่าวมอนเตอเรย์ (Monterey Bay) มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า สวิมา บอมบิวิริดิส (Swima bombiviridis) เป็นหนอนทะเลชนิดหนึ่งที่สามารถทิ้งระเบิดเรืองแสงสีเขียวที่ดัดแปลงมา จากอวัยวะส่วนเหงือกเพื่อป้องกันตัวเองจากศัตรูคู่อาฆาต

ปลากบไซเดลิกา ปลากบสปีชีส์ใหม่ หน้าแบนราบ มีสีสันลวดลาย
ชวนเวียนหัว (ภาพจาก IISE)
6. ปลากบไซเซเดลิกา (Psychedelic frogfish) หรือชื่อวิทยาศาสตร์ว่า ฮิสทิโอฟไรน์ ไซเซเดลิกา (Histiophryne psychedelica) ซึ่งเป็นปลากบที่มีรูปลักษณ์อันน่าพิศวงงงงวยที่ดูแล้วชวนประสาทหลอน และมีใบหน้าแบนราบแตกต่างจากปลากบชนิดอื่นๆ พบครั้งแรกที่ประเทศอินโดนีเซีย

ปลาไฟฟ้าที่นักวิทยา ศาสตร์ใช้เป็นต้นแบบศึกษาการสร้างกระแสไฟฟ้า
ในร่างกายของสิ่งมีชีวิต (ภาพจาก IISE)
7. ปลาไฟฟ้า (Electric fish หรือ Omars' banded knifefish) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า จิมโนตัส โอมาโรรัม (Gymnotus omarorum) พบในประเทศอุรุกวัยซึ่งตั้งชื่อตามของ โอมาร์ มาคาดาร์ (Omar Macadar) และโอมาร์ ทรูจิลโล-เคนอซ (Omar Trujillo-Cenoz) สองนักวิทยาศาสตร์ผู้ริเริ่มศึกษาการสร้างกระแสไฟฟ้าของปลาในสกุลจิมโนตัส ซึ่งปลาสปีชีส์นี้ถูกใช้เป็นต้นแบบในการศึกษาเกี่ยวกับสรีรวิทยาและการสื่อ สารด้วยกระแสไฟฟ้ามาเป็นเวลาหลายสิบปี โดยก่อนหน้านั้นนักวิทยาศาสตร์ในอุรุกวัยเคยอ้างผิดว่าเป็นปลาสปีชีส์ จิ มโนตัส คาราโป (Gymnotus carapo)

หม้อข้าวหม้อแกงลิง ของแอทเทนเบอเรอห์ เป็นหม้อข้าวหม้อแกงลิง
ที่ใหญ่ที่สุดและใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง (ภาพจาก IISE)
8. หม้อข้าวหม้อแกงลิงของแอทเทนเบอเรอห์ (Attenborough's Pitcher) ซึ่งเป็นพืชกินแมลงในกลุ่มหม้อข้าวหม้อแกงลิงสปีชีส์ใหม่ และที่มีขนาดใหญ่ที่สุดประมาณ 30x16 เซนติเมตร หรือประมาณลูกอเมริกันฟุตบอล พบบนยอดเขาวิคตอเรีย (Mount Victoria) บนเกาะพาลาวัน ประเทศฟิลิปปินส์ ได้ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า เนเพนธีส แอทเทนเบอเรอห์อี (Nepenthes attenboroughii) ตั้งตามชื่อของเซอร์เดวิด แอทเทนเบอเรอห์ (Sir David Attenborough) นักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษและผู้นำเสนอข่าวสารความรู้ด้านธรรมชาติวิทยาผ่าน สื่อโทรทัศน์ของอังกฤษมาเป็นเวลาหลายสิบปี และเป็นพืชถิ่นเดียวที่คณะกรรมการมีความเห็นว่าพืชสปีชีส์ใหม่ชนิดนี้ควรได้ รับการขึ้นบัญชีเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่งด้วย

หัวมันแองโกนา พบบนเกาะมาดากัสการ์ มีลักษณะแปลกประหลาดเป็นพวง
คล้ายนิ้วมือ จัดเป็นพืชอีกชนิดที่ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง (ภาพจาก IISE)
9. หัวมันประหลาดแองโกนา (Angona) พบบนเกาะมาดากัสการ์ เป็นหัวมันที่กินได้ มีลักษณะเป็นพวงคล้ายนิ้วมือ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า ไดออสโคเรีย ออเรนจีอานา (Dioscorea orangeana) และจัดเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง เพราะถูกประชาชนเก็บเกี่ยวไปเป็นอาหารจำนวนมากโดยที่ไม่ได้มีการอนุรักษ์ ถิ่นกำเนิดเอาไว้

เห็ดฟัลลิก ลักษณะละม้ายคล้ายกับอวัยวะเพศชาย (ภาพจาก IISE)
10. เห็ดฟัลลิก (Phallic mushroom) เป็นเห็ดสปีชีส์ใหม่ที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายอวัยวะเพศชาย มีขนาดยาวประมาณ 5 เซนติเมตร พบบนเกาะเซาตูเม (São Tome) ในแอฟริกา ได้รับการตั้งชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า ฟัลลัส ดรูเวสซี (Phallus drewesii) เพื่อเป็นเกียรติแก่ ดร.โรเบิร์ต ดรูเวส (Dr. Robert Drewes) นักวิทยาศาสตร์สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งแคลิฟอร์เนีย (California Academy of Sciences) ผู้อุทิศตนให้กับการศึกษาความความหลากหลายทางชีวภาพในแอฟริกาเป็นเวลา มากกว่า 30 ปี

Central World

"เซ็นทรัลเวิลด์" ความทรงจำร่วมสมัย ที่โจรก่อการร้ายเผาทำลาย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 พฤษภาคม 2553 17:46 น.
ความรุ่งโรจน์ของ เซ็นทรัลเวิลด์ก่อนถูกโจรร้ายเผาทำลายย่อยยับ
หลังแกนนำไพร่แดงประกาศยุติการชุมนุมในช่วงบ่ายของวันที่ 19 พ.ค.53 ได้เป็นการส่งไม้ต่อให้กับกลุ่มผู้ก่อการร้าย กลุ่มแดงฮาร์ดคอร์ และกลุ่มแดงบ้าคลั่งที่ปะปนอยู่ในกลุ่มม็อบ ก่อการจราจล เผาบ้านเผาเมือง ตามแผนฆ่าประเทศไทยขั้นต่อไป ภายใต้การบัญชาการของฝ่ายเสธ.เสื้อแดงและ"นายใหญ่" ไพร่ตัวพ่อคนเนรคุณแผ่นดินที่อยู่ต่างแดน

หลังจากนั้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงราชประสงค์และพื้นที่ใกล้เคียงกลาย เป็นทะเลเพลิง ก่อนจะเหลือแต่ซากเพียงชั่วข้ามคืน

นับเป็นอีกวันหนึ่งที่ประชาชนไทยจะต้องระลึกและจดจำไปอีกแสนนาน ด้วยความเจ็บปวดที่เห็นประเทศชาติวินาศเพราะคนเพียงกลุ่มเดียว

หนึ่งในสถานที่ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้น "เซ็นทรัล เวิลด์" ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง เพราะเป็นสถานที่แรกที่ถูกเผาทำลายและได้รับความเสียหายสูงสุด อีกทั้งเซ็นทรัลเวิลด์ยังเป็นพื้นที่ความทรงจำร่วมสมัยในยุคปัจจุบันของคน กรุงเทพฯและของคนไทยจำนวนหนึ่ง หลายคนเคยมีประสบการณ์ที่เซ็นทรัลเวิลด์มาไม่มากก็น้อย

สีสันเซ็นทรัลเวิลด์ ที่ถูกเผาทำลายหายไปจากวิถีคนกรุง
ย้อนตำนานเซ็นทรัลเวิลด์

พื้นที่ "เซ็นทรัลเวิลด์"เดิมเป็นที่ตั้งของวังเพชรบูรณ์ วังที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย ต่อมาเมื่อสมเด็จเจ้าฟ้าฯ สิ้นพระชนม์ นักธุรกิจญี่ปุ่นได้ขอซื้อที่ดินบริเวณวังเพื่อก่อสร้างห้างไทยไดมารู ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการศูนย์การค้าราชประสงค์

จากนั้น บริษัท วังเพชรบูรณ์ โดยนายอุเทน เตชะไพบูลย์ ได้เช่าที่ดินนี้จากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เพื่อก่อสร้างห้างสรรพสินค้า "เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์" ขึ้นในปี พ.ศ. 2525 และเปิดดำเนินการในปี พ.ศ. 2532

เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ในยุคนั้นได้ชื่อว่า เป็นศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของเอเชีย และมีพื้นที่ขายมากเป็นอันดับ3ของโลก ประกอบด้วยห้างสรรพสินค้าเซ็น (ZEN) และ อิเซตัน (Isetan)

แต่เมื่อบริษัท วังเพชรบูรณ์ ประสบปัญหาทางการเงินไม่สามารถดำเนินการต่อได้ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์จึงเปิดโอกาสให้บริษัทอื่นเข้ามาประมูล เป็นผู้บริหารศูนย์การค้าต่อ ซึ่งได้แก่บริษัทกลุ่มเซ็นทรัลและเดอะมอลล์ ที่ได้เข้ามาปรับปรุงเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ เป็น"เซ็นทรัลเวิลด์พลาซ่า" ก่อนปรับปรุงอีกครั้งเป็นศูนย์การค้า "เซ็นทรัลเวิลด์" โดยมีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดห้างในวันที่ 8 พ.ย. 50

เจ้าหน้าที่ดับเพลิง ช่วยอย่างสุดความสามารถ
เซ็นทรัลเวิลด์ ถือเป็นช้อปปิ้งคอมเพล็กซ์อันสุดอลังการ พื้นที่รวม 550,000 ตรม. มีห้างสรรพสินค้าที่มีสาขาเดียวในไทย 2 ห้าง (เซน และ อิเซตัน)ร้านค้ากว่า 500 ร้าน ร้านอาหารกว่า 50 ร้าน โรงภาพยนตร์ 21 โรง ศูนย์โบว์ลิ่ง โซนกิจกรรม ศูนย์การเรียนรู้สำหรับเด็ก ฯลฯ

นอกจากนี้บริเวณกลางแจ้งหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ยังเป็นพื้นที่สาธารณะ ซึ่งเป็นทั้งลานพักผ่อนของคนเมือง เป็นที่รอคอยรถเมล์ รถแท๊กซี่ เป็นลานจัดเทศกาลเบียร์ในช่วงหนาวของทุกปี เป็นจุดนัดพบ เป็นสถานที่จัดกิจกรรมต่างๆมากมาย อีกทั้งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เนื่องจากด้านหนึ่งของห้างเป็นที่ประดิษฐาน ของพระตรีมูรติและพระพิฆเนศ ที่พึ่งทางใจของผู้คน

เพราะฉะนั้นการเผาทำลายเซ็นทรัลเวิลด์และพื้นที่ราชประสงค์ นอกจากจะเป็นการทำลายทรัพย์สินอย่างใหญ่หลวงแล้ว ยังเป็นการทำร้ายจิตใจของผู้ที่มีความทรงจำดีๆกับพื้นที่แห่งนี้ด้วย ที่สำคัญก็คือ หลังเซ็นทรัลเวิลด์ถูกเผาทำลาย ผู้บริหารระดับสูงของศูนย์การค้าแห่งนี้ได้ให้สัมภาษณ์สื่อสำนักหนึ่งว่า ในช่วงการชุมนุมเซ็นทรัลเวิลด์คือหนึ่งในพื้นที่สำคัญที่ให้ผู้ชุมนุมใช้ พื้นที่ ใช้ห้องน้ำ ใช้เป็นที่พักผ่อน ใช้เป็นที่หลบแดดหลบฝน แต่ทำไมผู้ชุมนุมกลุ่มหนึ่งถึงทำกับห้างเซ็นทรัลเวิลด์ได้ถึงขนาดนี้

สภาพความเสียหายหลัง ถูกเผาทำลาย
ไว้อาลัย"เซ็นทรัลเวิลด์"

หลังเซ็นทรัลเวิลด์ถูกเผาทำลาย ได้มีผู้แสดงความคิดเห็นผ่านบทความ "ไว้ อาลัย เซ็นทรัลเวิลด์" ในหน้าท่อง เที่ยว เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ และจำนวนหนึ่งในนั้นได้รำลึกถึงความทรงจำดีๆที่มีต่อศูนย์การค้าแห่งนี้

-ไปซะแล้ว ctwที่รักของเรา T.T ขอให้ctw เป็นเหมือนกฟีนิกส์นะ ขอให้เกิดใหม่แล้วรุ่งเรื่องสวยงามยิ่งกว่าเดิม ; จากctw lover

-เป็นคนกรุงเทพ เกิดกรุงเทพ โตกรุงเทพ เรียนหนังสืออยู่กรุงเทพ จบแล้วทำงานอยู่กรุงเทพ ใช้ชีวิตอยู่กรุงเทพค่อนชีวิต จนมาแต่งงานถึงย้ายมาอยู่ต่างจังหวัด จนมาถึงวันนี้ที่เห็นข่าวสถานที่สำคัญต่างๆ ถูกไฟไหม้ ทำให้ย้อนอดีตสมัยเป็นวัยรุ่น ถึงวันที่เคยไปเดินเล่นWTC ดูหนังโรงหนังสยาม ลิโด้ สกาล่า (สมัยนั้นยังไม่มีเมเจอร์) ช้อปปิ้งสยามเซ็นเตอร์ กินข้าวมาบุณครอง เรียนพิเศษที่สยามสแควร์ มาวันนี้รู้สึกเศร้า สลดหดหู่มาก เหมือนบ้านหลังที่สองถูกเผา ทำไมต้องทำกันขนาดนี้ นี่หรือประชาธิปไตยของพวกที่มาเรียกร้อง ; จาก รักกรุงเทพ

-เศร้าใจมากและยิ่งเศร้า อาศัยอยู่ ราชปรารภ เดินไปกินข้าวซอยรางน้ำ เดินเล่นที่เซ็นเตอร์วัน ซื้อของที่บิ๊กซี นัดเจอเพื่อนกินข้าว ดูหนังที่เซ็นทรัลเวิลด์ นั่งรถผ่านหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ทุกวันเพราะต้องไปทำงานสุขุมวิท รู้สึกเจ็บปวดมาก ไว้อาลัยแด่เซ็นทรัลเวิลด์ ; จาก ส่วนหนึ่งในชีวิต

-ร่วมอาลัยด้วยคนค่ะ สงสารคนที่เป็นเจ้าของทรัพย์สินนั้น สร้างใหม่ได้ก็จริง แต่คงต้องใช้เวลาทำใจกับสิ่งที่สูญเสียไป จาก ; มดตะนอย

- ขอร่วมไว้อาลัยด้วยครับ ผมทำงานย่านนั้น ผมไปเดินบ่อย นอกจากไปกินข้าวและซื้อของแล้วก็ยังไปเดินดูหนังสือที่ร้านหนังสือนายทอง อินทร์ซึ่งเปิดได้ไม่นาน (ไม่น่าจะถึงหนึ่งปี) นอกจากเสื้อผ้า รองเท้าแล้ว ผมยังได้ซื้อกล้องถ่ายรูป ทีวี โน้ตบุ้ค เป็นต้น ร้านอาหารที่ชอบกินก็ร้านข้าวมันไก่ออร์ชาร์ด ชอบเพราะไก่มันแห้งดี และที่ร้านฟูจิในห้างนี้จะอยู่ริมหน้าต่าง มองลงไปทางถนนราชดำริชมวิวได้ชัดเจน นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการต่างๆ เช่น OTOP, งานโชว์รถโบราณ ฯลฯ หลากหลายเป็นระยะๆตลอดปี ผมอาจจะไม่ใช่ลูกค้ารายใหญ่ แต่ผมก็ชอบไปเดินเล่น ซื้อของและรับประทานอาหาร เพราะที่นี่โอ่โถง สะอาด และไม่ได้ไฮโซเกินมนุษย์เงินเดือนจะเข้าไปได้ ขอให้กำลังใจเซ็นทรัลนะครับ ; จาก The1Card@Zen.member

ร่องรอยความสูญเสีย
-ขอร่วมไว้อาลัยด้วยค่ะ เราผูกพันกับที่นี่มาก เพราะเราเป็นคนชานเมือง แต่สมัยมีแฟนก็นัดเดทกันที่นี่ กินข้าว ดูหนัง สมัยยังเป็นเวริ์ดเทรด เซ็นเตอร์ สมัยนั้นพื้นที่กว้างใหญ่จนดูเหมือนคนเดินไม่เยอะ แล้วพวกร้านค้าก็ไม่ดึงดูดเหมือนกับปัจจุบัน พอเราแต่งงานเข้ามาอยู่ในเมือง จนมีลูก เสาร์ อาทิตย์ วันหยุด ก็มีกิจกรรมอยู่ที่นี่เป็นประจำ โดยเฉพาะ tk park ลูก 3 คนชอบมาก ยังมียืมหนังสือ 8 เล่มยังไม่ได้คืนเลย เพราะโดนปิดก่อน แล้วต้องเอาไปคืนที่ไหนหล่ะเนี่ย ยังไงก็ขอให้กำลังใจผู้บริหารนะคะ สู้ต่อไป สิ่งก่อสร้าง วัตถุสร้างใหม่ได้ง่าย แต่กำลังใจที่หายไป เรียกกลับมาได้ยากกว่า ขอให้ทุกคนให้กำลังใจด้วยค่ะ อ้อ แล้วขอให้กำลังรัฐบาล ทหาร ศอฉ. ด้วยค่ะ ทุกคนทำดีที่สุดแล้ว ฝ่ายตรงข้ามเค้าวางแผนไว้นานแล้ว พวกท่านสลายวันนี้ เมื่อวานนี้ หรือพรุ่งนี้ มันก็ต้องเกิดอยู่ดี คนที่ทำก็โดนล้างสมองแล้ว เอาสะใจอย่างเดียว ไม่นึกถึงผลระยะยาว ไม่นึกถึงภาพลักษณ์ของประเทศ ; จาก เศร้าจัง

- ขอแสดงความเสียใจ และขอร่วมไว้อาลัยต่อสถานที่ต่างๆ ที่ถูกเผา ตลอดจนพี่น้องเพื่อนร่วมชาติทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณืครั้งนี้ ทุกท่าน ... ขอให้พี่น้องสูดลมหายใจเข้าให้เต็มปอด เพื่อเรียกสติกลับคืนมา ไม่ว่าเราจะเสียสิ่งใดไปก็ตาม แต่ผมขอให้ทุกคน อย่าเสีย สติ เพราะสติ สำคัญกว่าสิ่งใดๆ ในชีวิต ตอนนี้ พวกเราต้องมี สติ สติ ตัวเดียวเท่านั้นที่จะช่วยให้เราผ่านพ้นกับเหตุการณ์อันเลวร้ายนี้ไปให้ได้ .... ผมขอเอาใจช่วยทุกท่าน ที่ได้รับผลกระทบ ; จาก คนไทย... รักแผ่นดิน

-ตึกเหล่านี้สร้างจากหลายๆสิ่ง ทั้งปัญญาในการออกแบบ ความร่วมมือในการก่อสร้าง มีคุณค่าและประวัติศาสตร์ในตัวมันเอง แต่ต้องถูกทำลายด้วยความแตกแยกของสังคม ความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ และความสะใจของคนชั่วที่เนรคุณแผ่นดิน ความเจ็บใจไม่ใช่เพราะตึกถูกทำลาย แต่เป็นความเจ็บใจที่คนไทยเผาบ้านเผาเมืองกันเอง เพื่อทรราชเพียงคนเดียว ; จาก...สงสารลูกหลานไทยในอนาคต

-ทักษิณ ตู่ เต้น ระ เหวง โบ้ กี้ร์ ........ไฟที่เผาเซ็นทรัล เผาบ้านเผาเมือง มันร้อนนนนนนมาก แต่ไฟนรกที่จะแผดเผาพวกแก มันร้อนนนนนนนนนนนนน มากกว่าหลายแสนเท่า ; จาก พธม. เสนา

-ไปใช้ห้องน้ำชายคาตึกพักหลบร้อนของเขาแล้ว ยังไปเผาของเขา โคตรรายำเลย แล้วไอ้พวกแกนนำมรึงมอบตัวกับตร. เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง มันน่าให้ทหารถึงตัว ยังไง guard มรึงก็ต้องสู้ จะได้ตายไปกับ cw. ;จาก แค้นมาก

***********************************************

อ่านข้อมูล ประวัติเซ็นทรัลเวิลด์และความเห็นเพิ่มเติมที่บทความ "ไว้อาลัยเซ็นทรัลเวิลด์"

วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ความเสียหาย

เซ็นทรัลเวิลด์พังยับ สยามเหลือแต่ซาก คลังเร่งประกันเคลม
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 พฤษภาคม 2553 07:55 น.
ผลงานกบฎแดงเผาเมือง ห้างเซนวอดทั้งหลัง ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์และพื้นที่โซนอื่นเสียหายบางส่วน แต่ยังประเมินความเสียหายไม่ได้ เซ็นเตอร์วัน พังพันล้าน โรงหนังสยามเหลือแต่ซาก ช่อง 3 ยังงดออกอากาศ เมเจอร์ปิดโรงหนังต่อ 9 สาขา คปภ. บริษัทประกัน เร่งประเมินความเสียหาย ก่อนคุยเรื่องจ่ายค่าสินไหม ด้าน "กอร์ปศักดิ์" เร่งหาทางเยียวยาด่วน ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยันระบบเทรดไม่เจ๊ง แบงก์ชาติการันตีมีเงินสดเพียงพอ
รายงานข่าวจาก บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) แจ้งว่า จากเหตุการที่ได้เกิดเพลิงไหม้ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา ขณะนี้ความเสียหายของตัวอาคารเท่าที่ตรวจสอบได้เบื้องต้นขณะนี้พบว่า ห้างสรรพสินค้าเซน เสียหายทั้งหมด ส่วนอาคารสำนักงานเซนทาวเวอร์นั้นได้รับความเสียหายบางส่วน ขณะที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ได้รับความเสียหายบางส่วนเช่นกัน คือ บริเวณโซนเอเทรียมที่ติดกับห้างเซน และบริเวณชั้น 6 ชั้น 7 ที่เป็นโซนอาหาร

สำหรับพื้นที่ที่ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าไม่ได้รับผลกระทบ แต่คงยังต้องรอการตรวจสอบให้แน่ชัดจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง ได้แก่ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอนด์ แบงคอก คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ อาคารสำนักงานดิออฟฟิศเซสแอทเซ็นทรัลเวิลด์ ห้างสรรพสินค้าอิเซตัน ทีเคปาร์ค และโรงภาพยนตร์เอสเอฟเวิลด์

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเหตุความเสียหายอยู่ในระหว่างการตรวจสอบจากหน่วยงานราชการที่ เกี่ยวข้อง และด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย จึงยังไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องรวมถึงผู้เช่าเข้าไปในบริเวณพื้นที่ เกิดเหตุจนกว่าจะได้รับการยืนยันด้านความปลอดภัยจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยว ข้อง

สำหรับแผนการซ่อมแซมพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายและการเปิดให้บริการ นั้น บริษัทจะแจ้งให้ทราบหลังจากมีการตรวจสอบและประเมินความเสียหายทั้งหมดโดย ละเอียดก่อน

มีรายงานข่าวเพิ่มเติมแจ้งว่า ทางผู้บริหารเซ็นทรัลพัฒนา อยู่ระหว่างการรอประสานงานกับทางเจ้าหน้าที่ของทางราชการที่เกี่ยวข้องในการ เข้าไปตรวจสอบตัวอาคาร และล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 20 พ.ค. ตึกเซนได้พังถล่มลงมาแล้วบางส่วน สำหรับบรรยากาศและความรู้สึกของพนักงานและผู้บริหารของกลุ่มเซ็นทรัลนั้น ต่างตกอยู่ในภาวะที่เศร้าซึมและมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับศูนย์การค้า เซ็นทรัลเวิลด์ที่ได้รับความเสียหายจากการถูกก่อวินาศกรรมครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ทางกลุ่มเซ็นทรัลได้ทำการประกันความเสียหายเอาไว้เพิ่มเติมกับ ธุรกิจในเครือหลายแห่ง จากเดิมที่ทำประกันเฉพาะธุรกิจในจังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้น

***เซ็นเตอร์วันเสียหายพันล้าน
นายรัฐพล ไกรจิรโชติ กรรมการผู้จัดการศูนย์การค้าเซ็นเตอร์วัน อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กล่าวว่า หลังจากการวางเพลิงตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุด (เย็นวันที่ 20 พ.ค.) ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ และยังลามไปถึงอาคาร 4 ชั้น บริเวณด้านหลัง ซึ่งเป็นอาคารของมูลนิธิผู้บริโภค โดยความเสียหายที่เกิดขึ้นกับอาคาร ประเมินความเสียหายไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท จากร้านค้าภายในส่วนของศูนย์การค้าประมาณ 300 ร้านค้า และคาดว่าจะมีพนักงานตกงานไม่ต่ำกว่า 1,000 คน

ทั้งนี้ ศูนย์การค้าเซ็นเตอร์วัน กำลังประสานกับตัวแทนประกันภัย ในการตรวจสอบความเสียหายและการจ่ายสินไหมทดแทนว่าจะครอบคลุมความเสียหายใน ส่วนใดบ้าง

***โรงหนังสยามเหลือแต่ซาก

รายงานข่าว แจ้งว่า หลังบรรดากลุ่มนปช. ได้ก่อเหตุจลาจล บุกเผาทำลายสิ่งของ อาคาร สถานที่ต่างๆ ไปทั่วทั้งกรุงเทพฯ โดยมีโรงหนังสยามเป็นหนึ่งในเหยื่อของความบ้าคลั่งนั้น ปรากฎว่า โรงภาพยนตร์สยาม หลังจากยืนยาวมาอย่างสง่าผ่าเผยกินเวลานานร่วม 44 ปี ก็ต้องถึงกาลอวสาน และเหลือแต่ซากความเสียหาย

*****ช่อง3ยังงดออกอากาศ
ขณะทีี่ทางด้านช่อง 3 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ผู้ก่อการจลาจลได้เข้าไปเผาตัวอาคารสำนักงานน้้น ปรากฎว่า ตึกมาลีนนท์ ถนนพระรามสี่ ได้รับความเสียหายทั้งตึก 1 และ ตึก 2 ในส่วนของชั้นล่างทั้งหมด ขณะที่ชั้นบนนั้นยังไม่สามารถประเมินได้่ว่าเป็นอย่างไร เพราะยังไม่สามารถเข้าไปตัวอาคารได้ รวมทั้งอาคารจอดรถก็ถูกไหม้ไปหลายชั้นเกือบหมด ส่วนลานจอดรถด้านหน้าก็เกิดความเสียหาย ป้ายโฆษณาก็พังหมด และมีรถที่จอดอยู่ลานด้านหน้าอาคารถูกเผาไปอย่างน้อย 6 คัน
ช่อง 3 ไม่สามารถออกอากาศได้มาตั้งแต่ช่วงบ่ายวันที่ 19 พ.ค.แล้ว และวันที่ 20 พ.ค.นี้ ก็เช่นกัน ที่ทางผู้บริหารได้ตัดสินใจและแจ้งไปยังผู้เกี่ยวข้อง ผู้จัดรายการ ว่างดออกอากาศอีกหนึ่งวัน ซึ่งการออกอากาศรายการต่างๆ นั้น จะต้องส่งสัญญาณออกจากสตูดิโอที่ตึกมาลีนนท์ไปยังสำนักงานที่หนองแขมเพื่อทำ การส่งสัญญาณออกอากาศต่อไป

***เมเจอร์ฯปิดโรงหนัง9สาขา
รายงานข่าวจาก บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) แจ้งว่า ในวันนี้ (20 พ.ค.) บริษัทได้ปิดให้บริการจำนวน 9 สาขา คือ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ สาขาเซ็นทรัลบางนา, เซ็นทรัลพระราม 2, เซ็นทรัลพระราม 3, เชียงใหม่, อุดรธานี, อีจีวี สาขาเมโทรโปลิส (บิ๊กซีราชดำริ), เซ็นทรัลปิ่นเกล้า, ซีคอนสแควร์ พารากอน ซีนีเพล็กซ์ ส่วนสาขานอกเหนือจากนี้อีก 39 โรงยังคงเปิดให้บริการตามปกติ ตั้งแต่เวลา 11.30-18.00 น.

***คลังเร่งคปภ.ประเมินความเสียหาย
นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กล่าวว่า ผู้บริหารระดับสูงของคปภ. อยู่ระหว่างประมวลข้อมูลความเสียหายเพื่อรายงานให้บอร์ด คปภ.รับทราบและประเมินสถานการณ์ต่อไป ซึ่งได้มอบหมายให้เร่งสรุปความเสียหายและชดเชยตามสัญญาในกรมธรรม์แก่ผู้ทำ ประกันโดยเร็วที่สุด
“ได้ขอให้คปภ. เร่งสรุปความเสียหายทั้งหมดโดยเร็ว ซึ่งในเบื้องต้นคงมีการจ่ายชดเชยตามหลักการประกันภัยอยู่แล้ว ส่วนผู้ที่ไม่มีสัญญาพ่วงท้ายประกันจลาจลก็ต้องเจรจากันอีกครั้ง แต่ในส่วนของกระทรวงการคลัง ก็คงหามาตรการมาชดเชยผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ในครั้งนี้” นายสถิตย์กล่าว

***เมืองไทย-ซี.พี.พร้อมจ่ายค่าสินไหม
นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทยังไม่สามารถเข้าพื้นที่เพื่อสรุปความเสียหายจากเหตุการณ์จลาจล ที่เกิดขึ้น ซึ่งบริษัทต้องรอให้สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติก่อนจึงจะสรุปยอดความเสีย โดยข้อมูลในเบื้องต้นพบว่าอาคารทุกแห่งในย่านนั้นมีการทำประกันภัยไว้แทบ ทั้งสิ้น แต่ต้องเข้าไปตรวจสอบเป็นรายกรมธรรม์ว่าได้ทำสัญญาประกันจราจลและก่อการร้าย ด้วยหรือไม่

“เท่าที่ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบว่ามีธนาคารกสิกรไทยที่ซื้อประกัน ภัยจลาจลกับบริษัท ส่วนอาคารอื่นๆ ต้องขอตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง รวมทั้งรถยนต์ที่ได้รับความเสียหาย ซึ่งบริษัทจะให้ความเป็นธรรมกับลูกค้ามากที่สุดและจะคุยกับผู้ที่เสียหาย เป็นรายๆ ไป” นางนวลพรรณกล่าว

นายปกิต เอี่ยมโอภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อลิอันซ์ ซี.พี. ประกันภัย จำกัด กล่าวว่า การประเมินความเสียหายอาจต้องใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ซึ่งบริษัทต้องให้ลูกค้าตั้งหลักและสำรวจความเสียหายและแจ้งการเคลมมายัง บริษัทและพิจารณาจ่ายค่าสินไหมตามหลักการประกันภัยสากลคือหากมีประกันภัย จลาจลและก่อการร้ายบริษัทก็พร้อมที่จะชดใช้ค่าเสียหายให้เต็มที่
โดยในเบื้องต้นลูกค้าบริษัทที่ได้รับความเสียหายเป็นร้านสะดวกซื้อเซ เว่น อีเลฟเว่น แต่ต้องขอดูรายละเอียดของสัญญาก่อนว่ามีการซื้อประกันภัยจลาจลและก่อการร้าย ด้วยหรือไม่

***ตลาดหุ้นยันไม่กระทบระบบเทรด
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า เหตุเพลิงไหม้อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 19 พ.ค. พบพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายส่วนใหญ่อยู่ที่บริเวณชั้น 1 บริเวณโถงนิทรรศการ และบางส่วนของห้องสมุดมารวย บริเวณชั้น 1 ซึ่งกรุงเทพมหานครและสมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยได้ให้ความร่วมมือในการ เข้ามาตรวจสอบ และพบว่าความเสียหายดังกล่าวไม่กระทบต่อโครงสร้างอาคาร จึงคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในเร็ววัน
“ความเสียหายดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อระบบงานสำคัญของตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยยืนยันว่าระบบซื้อขายหลักทรัพย์และระบบงานที่เกี่ยวข้องยังคงสามารถ ดำเนินงานได้อย่างสมบูรณ์ ”นางภัทรียากล่าว

อย่างไรก็ตาม ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา รวมทั้งจะประสานงานกับสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทสมาชิกเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการดำเนินงานในวันจันทร์ที่ 24พ.ค.2553 และจะแจ้งให้ทราบโดยทั่วกันในวันอาทิตย์ที่ 23 พ.ค.2553 นี้

***"กอร์ปศักดิ์"เร่งทำแผนช่วยเหลือ
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะเรียกประชุมคณะกรรมการเยียวยาภายใน 2-3 วันนี้ เพราะเดิมคณะรับมนตรี (ครม.) กำหนดพื้นที่ไว้ 2-3 พื้นที่ คือ ราชประสงค์ ผ่านฟ้า และสุขุมวิท ซอย 31 บริเวณบ้านนายกฯ ที่ได้รับผลกระทบ แต่วันนี้มันไม่ใช่แล้ว ก็คงต้องนำเรื่องเข้าครม.วันอังคารนี้ เพื่อมอบอำนาจเพิ่มเติมในการดูแลผู้ที่รับผลกระทบควบคุมไปหมดทั้งกรุงเทพฯ

"วันนี้เชื่อว่ามีธุรกิจที่ต้องปิดไปเลย เนื่องจากอาคารถูกเผา หมายความว่าจะมีผู้ตกงาน ซึ่งเราต้องเข้าไปดูตัวเลขทั้งหมด ถ้าไม่มีตัวเลขชัด เราไม่สามารถออกมาตรการได้ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับเงินงบประมาณ"นายกอร์ปศักดิ์กล่าว
สำหรับเรื่องการประกันภัย ได้เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (20 พ.ค.) ได้เชิญสมาคมประกันวินาศภัย และคปภ. มาหารือแล้ว โดยบริษัทใหญ่ๆ จะครอบคุมเพราะหลังจากเหตุการณ์ 11 กันยา บริษัทใหญ่ๆ ได้ถูกคุ้มครอง แต่บริษัทเล็กๆ จะมีปัญหาบ้าง เพราะบริษัทประกันไม่ได้คุ้มครอง โดยขอเวลาอีก 2-3 วัน ทุกอย่างจะยุติเรียบร้อย เพราะยังไม่ประเมินความเสียหายได้

ส่วนกรณีที่มีการสอบถามว่า การเยียวยาจะนำเงินพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาใช้หรือไม่ นายกอร์ปศักดิ์กล่าวว่า ไม่หรอก คนละเรื่องกัน ไม่ยึดก็มีเงิน เพราะความเดือดร้อนของประชาชน เราใช้เงินภาษีของประชาชนเข้าไปช่วย ไม่ได้ใช้เงินของรัฐบาล

***ธปท.รับรองมีเงินสดพอ
วานนี้ (20 พ.ค.) ผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีการประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์และผลกระทบจากความรุนแรงทางการเมืองใน ขณะนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เกิดความเสียหายของสถาบันการเงินจำนวนหนึ่ง และการกระจายธนบัตร เงินสด ให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน

นางจิตติมา ดุริยประพันธ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการธปท. สายออกบัตรธนาคาร กล่าวว่า ธปท.ได้ขอความร่วมมือจากสมาคมธนาคารไทย ให้ธนาคารพาณิชย์ที่มีสาขาในห้างสรรพสินค้าเปิดให้บริการการทำธุรกรรมทางการ เงินให้กับประชาชน ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 21 พ.ค.วันเสาร์ที่ 22 พ.ค. และวันอาทิตย์ที่ 23 พ.ค.นี้ เนื่องจากขณะนี้อยู่ในช่วงที่ประชาชนมีความกังวลสถานการณ์ทางการเมือง ทำให้มีประชาชนจำนวนมากต้องการที่เบิกจ่ายเงินสดเพื่อใช้จ่าย หรือเก็บไว้เพื่อให้รู้สึกอุ่นใจว่าจะมีเงินเพียงพอในการใช้จ่ายหรือสามารถ เบิกเงินสดได้ตลอดในช่วงหยุดทำการของธนาคารพาณิชย์ติดต่อกัน 4 วันทำการ

"หากธนาคารพาณิชย์รายใดมีสาขาที่อยู่ห้างสรรพสินค้าที่ไม่อยู่ใน พื้นที่เสี่ยง ขอให้เปิดบริการเพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่า จะสามารถเบิกถอนเงิน และสามารถตรวจสอบบัญชีได้ เพราะในขณะนี้มีความกังวลในหลายเรื่อง เช่น กลัวไม่มีเงินพอในตู้เอทีเอ็ม หรือจะเบิกเงินจากธนาคารพาณิชย์ไม่ได้"นางจิตติมากล่าว

วันพุธที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

Google

Master the Google Operands – Search Like a God & Save Time

by Tina on May. 30th, 2008

The internet, a network spanning the globe. Today around 20% of the world’s population is connected. That’s over 1.4 billion people, a number with ten digits and it’s growing. Imagine each of these individuals would contribute only one sentence per day and one file per week.

And now think again. How realistic is that? How many sentences and files do you put online on an average day? Does that put Google’s name choice into perspective? Google is said to be named after the number googol, i.e. 10100, a one followed by 100 zeros. It’s funny how back then they obviously didn’t care about the correct spelling, and today the verb google is found in many contemporary dictionaries.

Either way, it’s hard to imagine how much information is out there, yet a lot of it is at your fingertips. You just have to search right. Here are some tips to optimize and streamline your Google searches, and furthermore a handful of tricks that will save you time.

(1) Fine Tune

Operators are functional words or signs that tell the search engine how to connect or separate the given search terms. The most important ones are…

  • AND or +
    With “AND” or “+” you can link words, so all linked terms are included in the search results. I’m adding this to give a complete collection. Google automatically searches for all given terms.
    Example: sun AND moon or sun +moon
    Note the “AND” must be in caps and there is no space after the “+”.
  • OR or |
    Use these to search for either term.
    Example: sun OR moon or sun | moon
    Note that again “OR” must be in caps, but in this case there is a space after the “|”.
  • ” “
    Putting terms in a quote indicates a sentence and will be searched for exactly in this composition.
    Example: “the sun lights up the moon”
  • -
    The minus indicates that the following word or quoted set or words will be excluded from the search results.
    Example: sun -moon or sun -”moon and stars”
    Note that there is no space after the “-”
  • *
    This is the so called wildcard. The asterisk represents a missing word, use it to let Google fill in any potential word.
    Example: “the * lights up the moon”
  • ~
    To search for all synonyms of a word, put a tilde directly infront of it.
    Example: ~sun
    This search will bring back results containing the terms sun, solaris, solar, and a couple less obvious ones.
  • ..
    The double dot put directly between two numbers denotes a range to narrow the results down.
    Example: “solar eclipse 1990..2005″
    Note that there are no spaces between the numbers or the dots.
  • Advanced Search
    If you have a hard time remembering all of these operators, use Google’s Advanced Search .

(2) Narrow Down

Let Google do a search for more specific content. Google will exclude vast parts of information and dig deeper, if you tell it where to look or what to look for. And these are the operators you will need to know for that purpose:

  • site:
    Search a specific site only. Very useful if that page doesn’t provide an in-site search.
    Example: site:makeuseof.com “Master the Google”
  • cache:
    A clever operator to use if you suppose a page has changed or if it’s not currently available. Search for cached site versions within the Google Cache.
    Example: cache:http://www.makeuseof.com
  • inurl: _ intitle: _ intext: _ inanchor:
    Those will search terms within any URL, title, text or anchor text, respectively. You can define several terms and combine with any other operator. If you add an “all” infront of either of these operators, all given terms have to appear in the respective query.
    Example: intext:makeuseof.com google -maps OR allintext:makeuseof google maps
    Note that these are not the same as the site: operator. The in… operators will search all sites containing the given terms.
  • link:
    This one will find pages that link to a given URL.
    Example: link:makeuseof.com
  • define:
    The smart way to search for definitions across the web.
    Example: define:Googol
  • related:
    Let’s say you love MUO and would like to find related pages, try this operator!
    Example: related:http://www.makeuseof.com
  • info:
    Get all the information Google has on a specific website in one search. That is links to Google Cache, similar pages, and more.
    Example: info:makeuseof.com
  • filetype:
    Quite obviously a way to search only for one type of file. Works with pdf, ppt and doc.
    Example: filetype:pdf “Sun and Moon”
  • music:
    A search with this operator will bring back artist, album and song information. The results are not always complete, so be careful.
    Example: music:tina turner
  • movies:
    The search for movie reviews.
    Example: movie:indiana jones
  • Q&A
    Google Q&A applies an AI engine to find answers to simple questions.
    Example: What is the population of China?

(3) Do the Math

Google can calculate.

  • + _ – _ * _ /
    For simple equations use the symbols for plus, minus, multiply, and divert respectively. Use (brackets) to define which calculations shall be done first, else the simple rule multiplication and division before addition and subtraction applies.
    Example: (10 + 4) /2 *7 = 49 OR 10 + 4 /2 *7 = 24
  • % of
    Example: 51% of 900 = 459
  • ^ OR **
    These operators will raise a number to the power of another.
    Example: 5^3 will raise 5 to the 3rd power.
  • And more…
    Without further ado, here’s an in-depth selection for the math junkie in you:
    sqrt() or square root of
    sin() cos() tan()
    ln logarithm base e
    log logarithm base 10
    lg logarithm base 2
    ! factorial

(4) Convert & Conquer

Google can do painful conversion for you, for example from degrees Fahrenheit to degrees Celsius. It can also answer really mundane questions such as what is the time in Sydney. Just type your question in plain English and Numbers, and Google will most likely give you a smart answer.

And finally, I know you’ve been waiting for that one for all of your life…..

(5) the answer to life, the universe, and everything

Google can give THE answer and a lot more.

There are a few things to remember. For one, Google can do a lot more than what is listed above, these are just the most important, interesting and simple tips & tricks to remember. Then keep in mind that Google isn’t the same everywhere. Depending on where you live, Google might send you to country specific Google sub-sites, which may return varying results. The most prominent example is censorship in countries like China.

If you’re logged into Google, it can keep a record of your searches, which can come in handy at times. If you wish to enable your Google History, go to your account, click on Web History and follow the indicated steps. This requires the Google Toolbar to be installed. However, I generally recommend to keep this feature turned off.

Which other Google tips & tricks do you find important? The comments are open for suggestions!

(By) This post was written by one of our regular authors, Tina from Recommended.

ไว้อาลัย

ไว้อาลัย “เซ็นทรัลเวิลด์”
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 พฤษภาคม 2553 23:37 น.
เหตุจลาจลระบาดทั่วกรุงในวันนี้ (19 พ.ค.53) เป็นอีกวันหนึ่งที่ประชาชนไทยจะต้องระลึกและจดจำไปอีกแสนนานด้วยความเจ็บปวด ที่เห็นประเทศชาติวินาศเพราะคนเพียงกลุ่มเดียว ที่ดาหน้ากันออกมาเผาบ้าน เผาเมือง อย่างไร้ขื่อแป

หนึ่งในสถานที่หลายๆจุดที่โดนเผานั้น มีห้างสรรพสินค้าชื่อดังอย่าง “เซ็นทรัลเวิลด์” รวมอยู่ด้วย ซึ่งขณะนี้คงต้องเรียกว่าปิดตำนานไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยความมอดไหม้อย่างสะเทือนใจ

“เซ็นทรัลเวิลด์” เดิมชื่อ “เวิลด์เทรด เซ็นเตอร์” เป็นโครงการศูนย์การค้า โรงแรม และอาคารสำนักงาน ตั้งอยู่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ ถนนราชดำริ ตัดกับถนนพระราม 1 เป็นศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของเอเชีย และมีพื้นที่ขายมากเป็นอันดับ3ของโลก

เดิมเป็นพื้นที่ของศูนย์การค้าเป็นที่ตั้งเดิมของวังเพชรบูรณ์ วังที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย ต่อมาเมื่อสมเด็จเจ้าฟ้าฯ สิ้นพระชนม์ นักธุรกิจญี่ปุ่นได้ขอซื้อที่ดินบริเวณวังเพื่อก่อสร้างห้างไทยไดมารู ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการศูนย์การค้าราชประสงค์ จากนั้น บริษัท วังเพชรบูรณ์ โดยนายอุเทน เตชะไพบูลย์ ได้เช่าที่ดินนี้จากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เพื่อก่อสร้างห้างสรรพสินค้า

"เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์" เริ่มก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. 2525 และเปิดดำเนินการเมื่อ พ.ศ. 2532 ประกอบด้วยห้างสรรพสินค้าเซ็น (ZEN) และ อิเซตัน (Isetan) เมื่อบริษัท วังเพชรบูรณ์ ประสบปัญหาทางการเงิน ไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างโรงแรมและอาคารสำนักงานให้แล้วเสร็จ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์จึงเปิดโอกาสให้บริษัทอื่นเข้ามาประมูล เป็นผู้บริหารศูนย์การค้า ซึ่งบริษัทที่เสนอตัวเข้ามาคือกลุ่มเซ็นทรัลและเดอะมอลล์

ปัจจุบันโครงการนี้บริหารงานโดย บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (CPN) โดยในระยะแรกเป็นการปรับปรุงและต่อเติมอาคารสำนักงาน ที่ทางเจ้าของพื้นที่เดิมได้สร้างไว้แต่ยังไม่แล้วเสร็จ

จากนั้นจึงเริ่มปรับปรุงในส่วนของศูนย์การค้าโดยเปลี่ยนชื่อเป็น “เซ็นทรัลเวิลด์พลาซ่า” (Central World Plaza) และสร้าง “เซ็นทรัล เวิลด์สกายวอล์ก” (CentralWorld Skywalk) ทางเชื่อมลอยฟ้าระหว่างสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีชิดลม และสถานีสยาม โดยความร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร เพื่อรองรับลูกค้าที่เพิ่มขึ้นในอนาคต

ต่อมาในปี 2549 บริษัทได้มีการปรับปรุงทั้งบริเวณโดยรอบทั้งหมด และเปลี่ยนชื่อศูนย์การค้าเป็น “เซ็นทรัลเวิลด์” โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดศูนย์การค้า เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

ด้วยความใหญ่ของเซ็นทรัลเวิลด์ที่มุ่งดึงดูดลูกค้ากว่า 150,000 คนต่อวัน จึงได้ออกแบบให้มีประตูเข้าออกช้อปปิ้งคอมเพล็กซ์ถึง 18 จุด เพิ่มความสะดวกในการเดินเข้าออกนอกจากนี้ยังจัดที่จอดรถถึง 7,000 คัน และถนน 6 เลน (CentralWorld Avenue) รอบช้อปปิ้งคอมเพล็กซ์ เพื่อพักและระบายรถยนต์ที่เข้าออกช้อปปิ้งคอมเพล็กซ์ได้ทางถนนเส้นหลัก 2 สาย คือถนนพระราม 1 และถนนราชดำริ

ช้อปปิ้งคอมเพล็กซ์ ที่นี่มีพื้นที่รวม 550,000 ตรม. ประกอบด้วย ห้างสรรพสินค้าที่มีสาขาเดียวในไทย 2 ห้าง (เซน และ อิเซตัน) ร้านค้ากว่า 500 ร้าน ประกอบด้วยร้านแฟชั่นแบรนด์เนมที่เป็น แฟลกชิพสโตร์ 35 ร้าน ร้านแฟชั่นแบรนด์เนมที่เปิดใหม่เป็นครั้งแรกในประเทศไทย 36 ร้าน ร้านแฟลกชิพสโตร์ของร้านค้าปลีกเฉพาะประเภท 6 ร้าน ร้านอาหารกว่า 50 ร้าน โรงภาพยนตร์ 21 โรง และศูนย์โบว์ลิ่ง โซนกิจกรรมและศูนย์การเรียนรู้สำหรับเด็ก ลานกิจกรรมกลางแจ้ง

โรงแรมระดับ 5 ดาว พื้นที่ 90,000 ตรม. จำนวน 55 ชั้น – สร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี 2551 จำนวนห้อง 500 ห้อง ศูนย์ประชุม พื้นที่ 17,000 ตรม – สร้างเสร็จสมบูรณ์ในปลายปี 2549 เป็นหนึ่งในศูนย์ประชุมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย ปลูกสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบไร้เสา อาคารสำนักงาน พื้นที่ 80,000 ตรม. / จำนวน 45 ชั้น – สร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว เป็นหนึ่งในอาคารที่มีความทันสมัยที่สุดในประเทศไทย ลานจอดรถในร่มที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย พื้นที่ 287,000 ตรม. รองรับรถยนตร์ได้มากถึง 7,000 คัน

“เซ็นทรัลเวิลด์” แบ่งพื้นที่ภายในศูนย์การค้า แบ่งโซนจากเดิม 3 โซน เป็น 7 โซน และ 4 อาคารประกอบ ประกอบด้วย “เอ เทรี่ยม”( Atrium) เป็นโซนตกแต่งแบบหรูหรา สถาปัตยกรรมทรงโค้งเหมือนคลื่น “บีคอน”( Beacon) มีลานกว้างรูปเปลือกหอย Marquise เป็นเอกลักษณ์ของโซน

“เซ็นทรัลคอร์ท”( Central Court) เป็นจุดเชื่อมต่อของศูนย์การค้า ลักษณะเป็นลานวงกลมใหญ่ จุดเด่นคือ ลิฟต์แก้วแบบพาโนรามา 360 องศา 2 ตัว และ บันไดเลื่อนแบบวนรอบ

“แดสเซิล” (Dazzle) จุดเด่นคือเป็นที่ตั้งร้านค้าค้าปลีกชั้นนำในโซนเดียว รวมทั้งเป็นที่ตั้งของลิฟต์ทางเชื่อมสู่บางกอกคอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ อีกด้วย

“อีเดน” (Eden) จุดเด่นเป็นลานทรงสี่เหลี่ยมพื้นผ้า มีเพดานสูง โทนสีขาวสบายตา และติดตั้งโมบายพลาสติกใสที่จะมีแสงส่อง เสมือนว่าเปลี่ยนสีได้

“ฟอรัม”( Forum )จุดเด่นคือเป็นลานที่ออกแบบเพื่องานแฟชั่นโชว์ และมีเวทีไฮดอร์ลิดที่สามารถปรับระดับได้ มีร้านค้าประเภทเสื้อผ้าและแฟชั่น และมีแผงกั้นทางเดินที่เปลี่ยนสีได้

“เซ็นเตอร์พ้อยท์” ( Centerpiont )โซนใหม่ล่าสุดของศูนย์การค้า ตั้งอยู่ที่ชั้น 7-8 ในพื้นที่โรงภาพยนตร์เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ เดิมซึ่งประกอบไปด้วย Centerpoint Playhouse และ Cyberia DigitalPlayground โรงละครและศูนย์รวมของโลกดิจิตอลแห่งใหม่

“ดิออฟฟิศเซส แอทเซ็นทรัลเวิลด์”( The Offices at Centralworld) อาคารสำนักงานทันสมัย ลิฟท์ความเร็วสูง ระบบคีย์การ์ด

“โรงแรม เซ็นทารา แกรนด์” (Centara Grand Hotel) โรงแรมหรูระดับ 5 ดาว พร้อมภัตตาคารลอยฟ้า และศูนย์แสดงสินค้าและห้องประชุม

“เซน เวิลด์”( Zen World) อาคารที่รวบรวมความบันเทิง อยู่ด้านบนห้างสรรพสินค้าเซน และยังมีร้านอาหารมุมมองพาโนรามา ฟิตเนส อีกมากมาย

“อิเซตัน”( Isetan) อาคารที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์เดิมเอาไว้ทั้งหมด ที่นำงานประติมากรรมมาเป็นองค์ประกอบในการตกแต่ง เพื่อเชื้อเชิญให้ผู้ที่เดินผ่านไปมาสนใจและมีปฏิสัมพันธ์กับตัวประติมากรรม นับเป็นบทบาทใหม่ของงานศิลปะที่สร้างความสุขสนุกสนานให้กับผู้คนทั่วไปใน ช้อปปิ้งคอมเพล็กซ์ นอกเหนือจากจรรโลงใจหรือเป็นเพียงสัญลักษณ์ของสถานที่อย่างที่เคยเป็นมา

ซึ่งแต่ละโซนได้รับการออกแบบให้มีรูปทรงบรรยากาศ และจุดดึงดูดสายตาที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตน ช่วยสร้างบรรยากาศในการช้อปปิ้งที่หลากหลาย และช่วยให้ลูกค้าสามารถแยกความแตกต่างของโซนที่ตัวเองเดินอยู่ได้

นอกจากนี้แต่ละโซนยังได้ถูกออกแบบให้เชื่อมต่อถึงกันในลักษณะเปิด ช่วยให้ผู้ที่เดินอยู่ในโซนหนึ่งสามารถเห็นอีกโซนหนึ่ง เป็นการสร้างความต่อเนื่องในการเดินช้อปปิ้ง
นอกจาก”เซ็นทรัลเวิลด์”ที่ได้รับความเสียหายอย่าง ยากจะฟื้นฟูแล้ว ยังมีโรงภาพยนตร์เครือเอเพ็กซ์ คือ โรงภาพยนตร์ในย่านสยามสแควร์ ที่ประกอบด้วย โรงภาพยนตร์สยาม โรงภาพยนตร์ลิโด้ และโรงภาพยนตร์สกาล่าที่ได้รับความเสียหายด้วยโรงภาพยนตร์เครือเอเพ็กซ์ มีคุณพิสิฐ ตันสัจจา ซึ่งคุณพิสิฐได้รับการติดต่อจาก กอบชัย ซอโสตถิกุล เจ้าของบริษัท เซาท์ อีสเอเซีย ก่อสร้าง จำกัด โดยเป็นผู้ออกแบบ และก่อสร้างอาคารต่าง ๆ

โรงภาพยนตร์สยาม จำนวน800 ที่นั่ง เปิดฉายครั้งแรกเมื่อ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2509 กับภาพยนตร์เรื่องแรกที่ฉายคือ “รถถังประจัญบาน” แต่เดิมจะใช้ชื่อว่าโรงภาพยนตร์ "จุฬา" แต่ถูกคัดค้านเนื่องจาก เป็นชื่อของ พระมหากษัตริย์ และเป็นชื่อของมหาวิทยาลัย

ส่วนโรงภาพยนตร์ลิโด (1,000 ที่นั่ง) เปิดฉายเมื่อ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2511 กับภาพยนตร์เรื่อง ศึกเซบาสเตียน (GAMES FOR SAN SEBASTIAN) และโรงภาพยนตร์ สกาลา (1,000 ที่นั่ง) เปิดเมื่อ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2512 กับภาพยนตร์เรื่อง สองสิงห์ตะลุยศึก ติดตั้ง ระบบเสียง "DOLBY DIGITAL" SRD DTS SDDS รวมทั้ง SURROUND อีกทั้ง ติดตั้ง "OZONE" เพื่อให้อากาศสดชื่นบริสุทธิ์ นอกจากนี้ ใต้โรงภาพยนตร์ทั้ง 3 แห่ง ยังมีการให้เช่าพื้นที่ทำร้านค้าด้วย ณ วันนี้ โรงหนังสยามก็เหลือเพียงตำนานเช่นกัน