วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553

โหงวเฮ้ง

เจาะลึกโหงวเฮ้ง ใบหน้าหญิงแบบไหนวาสนาดี มีสามีล่ำซำ!
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 กันยายน 2553 10:56 น.

By Lady Manager

อีกศาสตร์การพยากรณ์สุดฮิต การดู “โหงวเฮ้ง” ที่หลายคนนิยมศึกษาเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ ในการอ่านเข้าไปถึงส่วนลึกความเป็นคนของคนๆ นั้น ว่ามีนิสัยใจคออย่างไร เชื่อใจได้มั้ย ซื่อสัตย์รึเปล่า เหมาะแก่การทำธุรกิจร่วมหรือไม่ ไว้ใจจ้างเป็นลูกน้องด้วยโอเคป่ะ กระทั่งหน้าตาแบบนี้ถ้าจะแต่งงานเป็นคู่ผัวตัวเมีย จะสนับสนุนเกื้อกูลกัน หรือนำความเดือดร้อนมาให้..อะไรทำนองนี้

เมื่อหลายคนนำเรื่องการดูโหงวเฮ้ง มาใช้ประโยชน์กันซะขนาดนี้ เรามารู้กันค่ะว่า แท้จริงแล้ว โหงวเฮ้ง คืออะไร นำมาทำนายอะไรได้บ้าง และที่สำคัญ โหงวเฮ้งที่ดีสำหรับผู้หญิงเราเป็นยังไงน้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวาสนาความรัก งานเงิน ตลอดจนครอบครัวสามี-ลูก-หลาน ทว่าเรื่องนี้ต้องกาดอกจันทร์ไว้ก่อนว่า *เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ

เราได้รับเกียรติจาก อ.สุวิมล พันธุ์วิชาติกุล ผู้อำนวยการสถาบันศาสตร์แห่งชีวิต ผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์โหงวเฮ้ง (ภรรยาของอ.ภานุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล ซินแสชื่อดังผู้เชี่ยวชาญการดูฮวงจุ้ย) คุยกับเราในประเด็นนี้อย่างละเอียดเลยค่ะ เกริ่นนำให้เรารู้จักถึงความหมายของโหงวเฮ้ง

“โหงวเฮ้ง เป็นศาสตร์ที่มหัศจรรย์ ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องของการดูหน้าคน แล้วบอกได้ว่า คนนี้หน้าตาดี หน้าตาสวย หน้าตามีเสน่ห์ แต่มันบ่งบอกได้ถึงความสุขสบายในชีวิตของคนนั้นๆ ด้วย”

อ.สุวิมลบอกว่า หากแปลตามความหมายจริงๆ การดูโหงวเฮ้ง ก็คือ การดูส่วนประกอบบนใบหน้า 5 จุด ซึ่งประกอบด้วย หู ตา จมูก ปาก และหน้าผาก แต่แท้จริงแล้ว หากเราจะทำนาย ทายทักบุคคลในเรื่องของโหงวเฮ้งนั้น ส่วนอื่นๆ ก็สามารถนำมาประกอบได้ ทั้งคิ้ว คาง เสียง ผิวพรรณ รวมถึงนิ้วมือด้วยค่ะ และเพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจ สามารถนำไปสำรวจโหวงเฮ้งของตัวเอง และคนข้างได้ เราแยกย่อยมาเป็นส่วนๆ ดังนี้จ้า

ตำแหน่งที่1 : หู
ต้องเป็นขอบชีส ติ่งหูใหญ่ ลูกหลานเชื่อฟัง

หู คือ อวัยวะส่วนแรกของการดูโหงวเฮ้งค่ะ ซึ่งหมอดูโหวงเฮ้งของเราบอกว่า ต้องขอบหูใหญ่ๆ หนาๆ เหมือนขอบชีสของพิซซ่า ถึงจะดี ซึ่งหูนี้บอกได้ถึงเรื่องชีวิตในวัยเด็กว่าเป็นอย่างไร ขณะที่ติ่งหู จะเป็นการทำนายได้ว่าลูกหลานจะกตัญญูหรือไม่

“อันดับแรกของการดูโหงวเฮ้งก็คือ ต้องดูหูก่อน คนไหนถ้าขอบหูหนาๆ ใหญ่ๆ ให้นึกถึงพิซซ่าขอบชีส ซึ่งบ่งบอกว่าคนๆ นั้นมีชีวิตที่อุดมสมบูรณ์มาตั้งแต่เด็ก แต่ถ้าขอบหูบางๆ ไม่มีขอบ เมื่อวัยเด็กจะมีปัญหาอยู่ 3 เรื่อง ได้แก่ สุขภาพอาจจะไม่ค่อยแข็งแรงในวัยเด็ก อาจจะป่วยไม่สบายบ่อย, อาจต้องพลัดพรากจากบ้านเกิด, และความรักจากพ่อแม่ก็อาจจะมีจำกัด เช่น พ่อแม่อาจรับราชการ แต่ตัวเองต้องไปอยู่กับญาติ พี่ป้า น้าอา

แต่คนไหนถ้าขอบหูด้านใน หรือกระดูกอ่อนด้านข้างหู พลิกออกมา จะเป็นคนพูดจาตรงๆ ขวานผ่าซาก บางทีพูดจาแบบฉันไม่สนใจ ฉันพูดเรื่องจริง แต่บางครั้งพอพูดไปแล้ว ก็มานั่งคิดว่า ไม่น่าพูดคำนั้นออกไปเลยนะ

ส่วนคนไหนที่มีติ่งหูยาวสวย (คล้ายติ่งหูพระพุทธรูป) แบบนี้ลูกจะรักจะเชื่อฟัง ลูกหลานจะกตัญญู เพราะว่าหูก็คือดึงลูกเข้ามาใกล้ชิดในบั้นปลายชีวิต แต่บางคนติ่งหูไม่ค่อยมี ก็จะบอกได้ว่า หนึ่ง-มีลูกยาก สอง-ถึงแม้มีลูก ลูกก็จะไม่ใกล้ชิดมาก ถ้าไม่ค่อยมีติ่งหูแบบนี้ต้องเลี้ยงลูกแบบเพื่อน”

ตำแหน่งที่2 : หน้าผาก และขมับ
สามีเลี้ยงดูปูเสื่อดีแค่ไหน ดูกันตรงนี้

“หน้าผากสูงๆ เป็นคนที่ขวนขวายหาความรู้ วิสัยทัศน์ที่กว้างไกล การยอมรับ เรียกได้ว่าคนแบบนี้ส่วนใหญ่ปริญญาใบเดียวไม่พอ แต่หากมีหน้าผากกว้าง แสดงว่าการเลี้ยงดูจากครอบครัวคุณดี อุดมสมบูรณ์” อ.สุวิมล อธิบายต่อในส่วนของขมับว่า เป็นส่วนที่บอกได้ว่าคู่ครองจะดูแลเราดีแค่ไหน โดยแบ่งได้ 3 ระดับของการดูแลคือ แบบค็อกเทล แบบบุฟเฟ่ต์ และแบบโต๊ะจีน อ.เปรียบเทียบซะเก๋เชียว แถมได้ความหมายชัดเจนด้วยค่ะ

หน้าผาก แคบ และบุบ สาวๆ ที่มีหน้าผากแบบนี้ถ้าได้สามีเลี้ยงแบบ “ค็อกเทล” นั่นคือ โต๊ะให้นั่งก็ไม่มี ต้องลุกไปจิ้มกินเอง หากินเอง เรียกได้ว่า หากคิดจะอิ่มท้องอยู่สบาย ก็ต้องพึ่งลำแข้งตัวเองซะเป็นส่วนใหญ่

ขมับกว้าง แต่บุบเข้าไปบ้าง ถ้า มีหน้าผากแบบนี้ จะได้รับการเลี้ยงดูแบบ “บุฟเฟ่ต์” แบบนี้จะดีกว่าคอกเทลนะคะ เพราะอย่างน้อยก็ยังมีโต๊ะให้นั่ง มีของให้กินเยอะกว่า อันนี้ประมาณว่า สามีดูแลดีระดับปานกลางค่ะ อาจไม่หรูหรา แต่ก็กินอิ่มนอนหลับ

หน้าผากเต็ม กว้าง อิ่มเอิบ บรรดาสาวหน้าใหญ่ที่มักบ่นว่า ตัวเองหน้ากลม หน้าผากกว้าง ได้มีเฮ ก็คราวนี้เพราะตามหลักโหวงเฮ้งแล้ว หน้าผากแบบนี้ (แบบที่เหมือนอาซ้อร้านทองทั่วไปเป็น) เค้าเรียกว่าสามีจะเลี้ยงแบบ “โต๊ะจีน” มีมาเสิร์ฟถึงที่ กินได้อุดมสมบูรณ์ เรียกได้ว่า สามีเลี้ยงดูเป็นอย่างดี เอาอกเอาใจเป็นที่สุด … น่าอิจฉาซะ!

อะฮ้า สาวๆ เจ้าของหน้าผากแคบ อย่าเพิ่งน้อยอกน้อยใจในวาสนานะคะ อ.ฝากบอกว่า ถ้ารู้ว่าอะไรไม่ ก็ทำใจ และเตรียมปรับตัวดีกว่าค่ะ

“พอเรารู้แบบนี้ เราจะได้ไม่ต้องเครียดมานั่งคิดว่า ทำไมสามีไม่ค่อยดูแล เขามีคนอื่นมั้ย ไม่ใช่ค่ะ แต่เป็นเพราะว่าขมับของเราแคบ ไม่สามารถดึงให้เขามาเอาใจเราได้ ดังนั้นเราต้องยอมรับ แล้วด้วยนิสัยของบางคน ก็อาจจะเป็นคนเก่ง ชอบดูแลตัวเอง ไม่ชอบให้ใครมาเจ๊าะแจ๊ะดูแลมากมายอยู่แล้ว ถ้าสามีไม่มาวอแวมาก อาจจะดีกว่าด้วยซ้ำ”

อ.ยังแนะให้ทำผมเปิดหน้าผากด้วยค่ะ

“เรื่องการทำผม ที่ว่าต้องพยายามเปิดหน้าผาก อันนั้นเรื่องจริงค่ะ เพราะหน้าผากเราก็เหมือนฟ้า คนจีนแมนจู กร้อนผมไปครึ่งกระหม่อมเลย อย่างนั้นเขาเรียกว่าฟ้าเปิด ตามหลักลูกหลานคนจีนมักจะให้เปิดผม เพื่อเปิดฟ้า เปิดความสว่างให้ชีวิต”

ตำแหน่งที่3 : ตา
ตาโปนอาภัพคู่ ตาเล็กเฉียงขึ้นได้สามีดีนักเชียว

“ดวงตา เป็นหน้าต่างของดวงใจ ตาขาวต้องขาวสดใส ตาดำต้องดำเป็นนิล ถึงแม้เป็นฝรั่งตาน้ำข้าว จะตาสีฟ้า ก็ต้องฟ้าใส ต้องดูสดใส และรูปลักษณ์ในดวงตาก็บ่งบอกถึงชีวิตคู่ได้ ผู้หญิงคนไหน ถ้าตาโตๆ โปนเหมือนปลาทอง จะเป็นคนที่อาภัพความรัก ได้คู่ก็ไม่ได้คู่ที่ทำให้สบายใจ”

แต่แม่สาวตาปลาทองทั้งหลาย อย่าเพิ่งเศร้าไปค่ะ เพราะ อ.แม่ของเราบอกว่าแก้ไขได้ ทว่าต้องจำหลัก 3 ประการไว้ให้มั่น นั่นคือ แต่งงานอายุ 30 อัพ /แต่งกับพ่อหม้าย /แต่งกับหนุ่มอายุห่างจากเราเกิน 1 รอบ

“คนตาโปนถ้าอยากมีคู่ดี วิธีแก้ก็คือ หนึ่ง-ต้องแต่งงานให้ถูกหลักการ หมายถึงต้องแต่งงานหลังอายุ 30 ไปแล้ว สอง-แต่งงานกับผู้ชายที่อายุแก่กว่าเรา 1 รอบ สาม-แต่งงานกับผู้ชายที่เป็นพ่อหม้ายก็ได้

อย่าง "คุณกบ" ปภัสรา เตชะไพบูลย์ ถึงเขาจะมีตาโปน แต่เขาแต่งงานถูกหลักการ เขาได้สามีอายุเยอะ เป็นพ่อหม้าย ตอนนี้ก็กลายเป็นคุณนายกบไปแล้ว หรือ "คุณปุ๋ย" พรทิพย์ นาคหิรัญกนก ตอนได้คนที่อายุไล่เลี่ยกัน ก็เลิกลากันไป แต่พอไปได้สามีอายุ 60 เดี๋ยวนี้คุณปุ๋ยสบายเลย ดังนั้นถ้าคุณตาโปน คุณต้องยึดหลัก 3 อย่างนี้ไว้ แต่ถ้าคุณตาโปน แล้วคุณไปแต่งงานกับผู้ชายที่อายุไล่เลี่ยกัน พูดได้เลย 99% ไม่จากเป็น ก็จากตาย”

แล้วตาแบบไหนที่เรียกว่าดีล่ะคะ?

“รูปนัยน์ตาต้องเฉียงขึ้น หางตาเฉียงขึ้นมา แต่บางคนเฉียงขึ้นแล้วโปน ก็ไม่ได้ ต้องเฉียงขึ้นแล้วตาเล็กๆ ด้วย ตาลูกคนจีนดีที่สุด อาหมวยนี่แหล่ะดีที่สุด ส่วนตาชั้นเดียวหรือสองชั้นไม่จำเป็น ขอแค่รูปนัยน์ตาเรียวเล็ก และแววตาต้องมีประกายสดใสด้วย และหากเราไปมองตาใคร แล้วเราต้องหลบตาเขา แสดงว่าดวงตาของคนนั้นมีอำนาจ มีพลังแห่งชีวิต ถือเป็นโหวงเฮ้งที่ดี

อีกอย่างคือ ตามีเสน่ห์ ซึ่งอันนี้ไม่ใช่อยู่ที่นัยน์ตา แต่อยู่ที่แววตาค่ะ ผู้หญิงที่แววตามีเสน่ห์ จะมีผู้ชายเข้ามาพัวพันเจ๊าะแจ๊ะตลอด หนีไม่พ้น แต่มาแล้วก็ผ่านไป ซึ่งตาผู้หญิงที่มีเสน่ห์ ก็จะหยาดเยิ้ม เหมือนอย่าง "คุณพลอย" เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ น่ะค่ะ ตาเธอจะหวานเยิ้ม มีเสน่ห์”

*TIPS ตาแบบไหน ต้องระวัง หลีกให้ไกล!

ตาลอย อ.สุวิมลอธิบายคนลักษณะตาลอยว่า

“คนตาลอยจะมีลักษณะแบบตาดำเขา จะลอยขึ้น แล้วเห็นตาขาว 3 ด้าน คือ มุมซ้าย มุมขวา แล้วก็ด้านล่าง เหมือนกับตาดำลอยอยู่ข้างบน ซึ่งคนตาแบบนี้บ่งบอกได้ว่า เป็นคนที่ไม่มีน้ำใจ ทำดีแค่ไหน ถ้าคุณทำผิดแค่ครั้งเดียว เขาไม่เอาคุณเลย และจะเป็นเรื่องของการตายแบบตายร้าย บางคนก็กระโดดตึกตาย ฆ่าตัวตาย”

อ.แนะติดตลกแต่จริงว่า หากเวลาไปเที่ยวกับกรุ๊ปทัวร์ เจอคนตาลอยอยู่ในกรุ๊ปทัวร์ จงเลี่ยงไม่ไปเลยดีกว่า เพราะเดี๋ยวเจออุบัติเหตุร่วมเคราะห์ไปด้วย หุหุ

ตาสามเหลี่ยม คนที่ตาสามเหลี่ยม เป็นชั้นขึ้นมา เป็นลักษณะ 3 เหลี่ยม คนแบบนี้ถือว่าเป็นคนฉลาด เก่ง มองการณ์ไกล สุขุม รอบคอบ แต่ต้องระวัง ..ถ้าตาสามเหลี่ยมแล้ว มีคิ้วสามเหลี่ยมด้วย ประกอบกับแววตาก็มีเลศนัยอีก แบบนี้ อ.สุวิมลบอกว่า คบลำบากค่ะ เพราะจะเป็นพวกคนมีเล่ห์เหลี่ยมเยอะ เราอาจตามไม่ทัน โดนเขาหลอกได้ง่ายๆ

ตาเหยี่ยว เช่น กันค่ะ ตาเหยี่ยวแล้วเฉียงสูงขึ้น เป็นลักษณะของตาคนที่ไม่ค่อยมีความจริงใจให้ใคร และมักเอารัดเอาเปรียบผู้อื่นเสมอ แต่เดี๋ยวค่ะ! อย่าเพิ่งมองคนตาเหยี่ยวในแง่ร้ายเสมอไปค่ะ เพราะอ.สุวิมลย้ำว่า สิ่งสำคัญในการมองตาคนก็คือ ดูแววตาเป็นส่วนประกอบ ถ้าเพื่อนซี้ หรือคนใกล้ตัวคุณ มีตาเหมือนเหยี่ยว แต่แววตาอ่อนโยน เป็นประกายสดใส ...ยกเว้นได้ค่ะ

ทว่าหากตาเหมือนเหยี่ยว แถมแววตาดุร้ายสุดๆ ต้องระวังม้ากมากเลยค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น