วันจันทร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2555

ที่สุด" ในชีวิตของ "ต๊อบ" วัยรุ่นพันล้าน

รวม "ที่สุด" ในชีวิตของ "ต๊อบ" วัยรุ่นพันล้าน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 เมษายน 2555 16:46 น.

ต๊อบ-อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์ เจ้าของธุีรกิจส่าหร่ายทอดกรอบเถ้าแก่น้อย ณ เวลานี้ หากใครนึกอยากรับประทาน "สาหร่ายทะเลอบกรอบ" เชื่อว่าหลาย ๆ คนสามารถหลับตาแล้วเห็นภาพ "เถ้าแก่น้อย" ขึ้นมาได้อย่างชัดเจน เพราะนั่นคือยี่ห้อสาหร่ายที่มี "ต๊อบ-อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์" เด็กหนุ่มวัย 20 ต้น ๆ เป็นหัวเรือใหญ่ต่อสู้มาอย่างบากบั่น เริ่มต้นจากธุรกิจเกาลัด ก่อร่างสร้างตัวจนกลายมาเป็นเจ้าของธุรกิจเถ้าแก่น้อยที่ทำยอดขาย 2,000 ล้านบาทในปี 2554 เรียกได้ว่า ติดตลาด และครองใจผู้บริโภคทุกกลุ่มเป้าหมายไปแล้ว

วันนี้ทีมงาน Life & Family ได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้ชายคนนี้ถึง 5 เรื่องราวความเป็นที่สุดในชีวิตที่ถึงแม้จะใช้เวลาพูดคุยกันเพียงไม่กี่นาที แต่ก็ทำให้เรารู้จัก และเห็นแง่มุมชีวิตของวัยรุ่นพันล้านรายนี้กันได้ดียิ่งขึ้น ส่วน 5 เรื่องความเป็น "ที่สุด" ของเขาจะมีอะไรบ้างนั้น ไปติดตามอ่านพร้อม ๆ กันเลยครับ

1. ซ่าที่สุด

เห็นตี๋ ๆ และดูเรียบร้อยแบบนี้ ลึก ๆ แล้วแสบสันต์ไม่เบาเหมือนกัน ต๊อบเล่าว่า ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากป.6 ขึ้น ม.1 จากเด็กที่เคยใส่แว่น และค่อนข้างใส่ใจการเรียน พอมาเจอเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่ง ทำให้ความคิดของเขาเปลี่ยนไป เขาถอดแว่นออก และไม่สนใจเรียน เพราะรู้สึกว่า เด็กเรียนสาวไม่มอง แต่ถ้าเฮี้ยว ๆ สาวจะมอง และเมื่อมีกลุ่มเพื่อนมากขึ้น ความเฮี้ยวก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย จากที่ไม่เคยโดดเรียน ก็เริ่มโดดเรียน และไปโรงเรียนสายเป็นประจำ ทำให้ผลการเรียนตกลงเรื่อย ๆ และจบม.3 ออกมาด้วยเกรดเฉลี่ย 0.8

นอกจากนี้ เขามักจะให้ความสำคัญกับเพื่อน และผู้หญิงมาก ถ้ามีเงินเขาจะเต็มที่กับเพื่อน และสาว ๆ ของเขา จนคุณครูประจำชั้นเขียนบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรลงในสมุดพกเลยว่า "มนุษยสัมพันธ์ดี พูดเก่ง เถียงเก่ง ไม่ค่อยเรียน ติดผู้หญิง" นับเป็นความซ่าที่อยู่ในใจไม่รู้ลืม

ไม่เพียงเท่านั้น เขาเคยเกือบจะทำให้เพื่อนม. 5 กับรุ่นพี่ม. 6 ยกพวกตีกันด้วยเรื่องผู้หญิงมาแล้ว โดยเรื่องนี้ เขาเล่าย้อนกลับไปว่า ตอนอยู่ม.5 มีสาวคนหนึ่งมาชอบพอกับเขา แต่สาวที่เป็นถึงดาวโรงเรียนคนนั้นกลับมีแฟนอยู่แล้วนั่นก็คือรุ่นพี่ม. 6 จนเรื่องทราบถึงหูรุ่นพี่ และทำให้รุ่นพี่โมโหมาก กระทั่งวันหนึ่งเมื่อเห็นคู่อริ (ต๊อบ) เดินมา รุ่นพี่ไม่รอช้ารีบปรี่เข้าไปหา และกระโดดถีบทันที

เหตุการณ์ในตอนนั้น ทำให้เพื่อน ๆ ของเขาที่อยู่ในโรงอาหารลุกขึ้นมาสมทบ และเริ่มมีการขว้างปาจานชามกันขึ้น สุดท้ายก็ถูกครูเรียกสอบสวน แต่ที่หนักสุด ๆ คือคำพูดของแม่ที่บอกว่า "ลูกผู้ชายทำอะไรต้องมีจริยธรรม" เมื่อได้ฟังดังนั้นเขาถึงกับน้ำตาคลอเบ้า และสัญญากับตัวเองว่า จะไม่ก่อเรื่องแบบนี้ให้แม่เสียใจอีก

2. รักที่สุด

เมื่อถามถึงสิ่งที่รักมากที่สุดในชีวิตของต๊อบ "แม่" คือคำตอบของคำถามนี้ เพราะแม่คือผู้หญิงที่มีอิทธิพลกับชีวิตเขามาก ถึงแม้จะดื้อ และเกเรพอสมควร แต่เขาก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เพราะกลัวแม่เสียใจ และไม่เคยริลอง หรือคิดสูบบุหรี่ เพราะกลัวแม่จะได้กลิ่นบุหรี่ นอกจากนั้น แม่ยังเป็นแรงผลักดันให้เขาเริ่มหันมาทำธุรกิจด้วย เนื่องจากมีอยู่ช่วงหนึ่ง ครอบครัวถูกพิษวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 พ่นใส่ ส่งผลให้ที่บ้านเป็นหนี้ 40 ล้าน ซึ่งเขามักจะเห็นคุณแม่นั่งร้องไห้อยู่บ่อย ๆ และด้วยน้ำตาของคนที่รักมากที่สุดนี่เอง ทำให้เขาลุกขึ้นมาต่อสู้ และมุ่งมั่นหาช่องทางเพื่อสร้างรายได้ เพราะอยากให้แม่ และคนในครอบครัวกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีเหมือนเดิม

"แม่เป็นผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุด แม้ว่าท่านจะลำบาก หรือติดหนี้หลาย 10 ล้าน แต่แม่ก็ไม่เคยทิ้งผม หรือวันไหนถ้าผมรู้สึกท้อ และต้องการกำลังใจ แม่จะอยู่ข้าง ๆ ผมตลอด ยกตัวอย่างตอนที่ผมทำธุรกิจเกาลัด กว่า 30 สาขาแทบจะเจ๊งเพราะมีปัญหาเรื่องควัน ตอนนั้นผมขาดกำลังใจอย่างแรง แต่แม่เป็นคนเดียวที่อยู่กับผมตลอดเวลา และแม่จะสอนผมเสมอว่า เป็นคนต้องยอมเสียเปรียบบ้าง เพื่อรักษาบางอย่าง หรือให้ได้ส่วนอื่นที่มากกว่า" ต๊อบเผยความรู้สึกถึงแม่

3. เหนื่อยที่สุด

สำหรับช่วงเวลาที่เหนื่อยที่สุด ต๊อบบอกว่า เป็นช่วงที่เริ่มส่งสาหร่ายเถ้าแก่น้อยให้ร้านสะดวกซื้อกว่า 3,000 สาขา ตอนนั้นมีเวลา 3 เดือนที่จะต้องสร้างโรงงานให้เสร็จ แต่ที่หนัก และเหนื่อยกว่านั้นคือ การได้รับใบสั่งซื้อให้ทำสาหร่าย 400 ลัง และต้องส่งของภายในเวลา 7 วัน ซึ่งถือว่าหนักเอาการอยู่เหมือนกัน เพราะปกติผลิตเต็มที่ได้วันละ 40 ลัง 7 วันก็ 280 ลัง แต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้ ถึงจะถูกปรับไป 2,000 บาท เพราะส่งของล่าช้าไป 2 ชั่วโมง แต่ก็คุ้มค่ากับสิ่งที่ได้รับกลับมา

"ช่วงนั้นผมอดหลับอดนอนมาตลอด 7 วัน คืนสุดท้าย ผมเหนื่อย และง่วงมาก จึงเดินเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำ เห็นตัวเองในกระจก ตกใจมากนึกว่า หลินฮุ่ย เพราะขอบตาดำปี๋เลย แต่พอออกมาเจอแม่ แม่เข้ามากอดผม ผมจำภาพวันนั้นได้ดี จำได้ว่า ทุกคนในครอบครัว เราช่วยกัน เราเหนื่อยด้วยกัน ผมเห็นพ่อนั่งแพ็คสาหร่าย เห็นแม่ใส่หมวก ใส่ที่ครอบผมนั่งทำงาน ดังนั้นผมบอกได้เลยว่า ถ้าไม่มีพวกเขาก็คงไม่มีผมในวันนี้" ต๊อบเผยถึงพลังแห่งความรักของครอบครัวที่ผลักดันให้เขามีวันนี้

4. เศร้าที่สุด

เมื่อเอ่ยถึงช่วงเวลาแห่งความเศร้า แน่นอนว่า หลายคนอาจมีความเศร้า และเรื่องที่ทำให้เสียน้ำตาแตกต่างกันไป เช่นเดียวกับต๊อบ ตลอดชีวิตของเขาล้วนมีเหตุการณ์ที่ทำให้เสียน้ำตาอยู่หลายเรื่อง แต่มีอยู่เหตุการณ์หนึ่งที่เขาเสียใจ และรู้สึกเศร้าแบบสุด ๆ นั่นก็คือ การเห็นภาพคุณแม่อยู่ในสถานที่ที่ไม่ควรอยู่ (เขาขออนุญาตไม่เล่า เพราะมันเลวร้ายสำหรับเขามาก) ซึ่งภาพความลำบากของแม่ในวันนั้น ทำให้เขามีแรงฮึด และผลักดันตัวเองให้เดินหน้าต่อไป ถึงแม้จะเจอกับปัญหามากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่เขายึดถือ และท่องขึ้นใจมาตลอดคือ "อย่ายอมแพ้" และวันนี้เขาก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามันคือหัวใจของความสำเร็จอย่างแท้ จริง

5. ภูมิใจที่สุด

ปิดท้ายกันด้วยความภูมิใจที่สุดในชีวิต ต๊อบบอกว่า ชีวิตนี้ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีวันนี้ วันที่มีคนชื่นชม และหลงใหลในสินค้าของเขา และด้วยสินค้าที่ติดตลาด และทำรายได้พุ่งพรวดนี้เอง ทำให้ในปี 2550 (3 ปีหลังจากตั้งบริษัทเถ้าแก่น้อยฯ) เขาสามารถใช้หนี้ 40 ล้านบาทของครอบครัวได้สำเร็จ ซึ่งนับเป็นความภาคภูมิใจที่เขารู้สึกว่า มันมาไกลเกินกว่าที่ตัวเองตั้งใจไว้มาก แต่เกมธุรกิจยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะอนาคตเขาวาดหวังอยากทำให้ธุรกิจเถ้าแก่น้อยมียอดขายทะลุ 10,000 ล้าน และกลายเป็นสินค้าที่อยู่ในใจผู้บริโภคทั้งคนไทย และคนทั่วโลกให้ได้

ไม่แปลกที่เรื่องราวของเขาจะ เข้าตาผู้ใหญ่ค่ายจีทีเอช และถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ วัยรุ่นพันล้าน (Top secret) ที่สร้างความสำเร็จในเรื่องของคนดูได้มากขนาดนี้ และนี่คือ "ต๊อบ-อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์" เถ้าแก่น้อยพันล้าน ผู้สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนหนุ่มสาวมากมาย